“ตรวจเร็ว รักษาเร็ว ยุติเอดส์”
ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
แฟ้มภาพ
เนื่องในวันเอดส์โลก ประจำปี 2561 ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนทุกกลุ่มวัย ให้ป้องกันตนเองด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ในทุกช่องทาง ทั้งชายรักชาย หญิงรักหญิง และชายรักหญิง เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ถือเป็นวันเอดส์โลก(World AIDS Day) เป็นวาระสำคัญที่ทุกประเทศทั่วโลกร่วมกันรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอดส์และการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งการติดเอชไอวี นับว่าเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญ และส่งผล
กระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของทุกประเทศทั่วโลก จากรายงานของโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ(UNAIDS) พบว่า ในปี 2559 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกสะสม 36.9 ล้านคน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1.8 ล้านคน โดยมีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยและรู้สถานะการติดเชื้อของตนเองแล้วประมาณร้อยละ 75 ของผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั้งหมดสำหรับวันเอดส์โลกในปี 2561 นี้ กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์ภายใต้แนวคิด “ตรวจเร็ว รักษาเร็ว ยุติเอดส์” มุ่งเน้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการรู้สถานะตนเอง ประเมินความเสี่ยงได้ รู้วิธีการป้องกันตนเองโดยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ในทุกช่องทาง และสามารถเข้าถึงบริการตรวจเอชไอวีได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่สำคัญ 3 ประการ คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้เหลือปีละไม่เกิน 1,000 ราย ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีเหลือปีละไม่เกิน 4,000 ราย และลดการตีตรารังเกียจและเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีลง ร้อยละ 90 ซึ่งจะเป็นแนวทางนำไปสู่เป้าหมายความสำเร็จในการยุติปัญหาเอดส์ในประเทศไทย ภายในปี พ.ศ.2573 สถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ปี 2558 ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,759 คน และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสะสมทั้งหมด 1,526,028 คน กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีมากที่สุดคือกลุ่มชายรักชาย รองลงมาคือกลุ่มใช้สารเสพติด และกลุ่มขายบริการทางเพศ
นายแพทย์ธีรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องในวันเอดส์โลก ประจำปี 2561 ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนทุกกลุ่มวัย ให้ป้องกันตนเองด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ในทุกช่องทาง ทั้งชายรักชาย หญิงรักหญิง และชายรักหญิง เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เนื่องจากร้อยละ 80 ของการรับเชื้อเอชไอวีมีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน แต่หากเคยมีพฤติกรรมเสี่ยงควรรับการตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งสามารถตรวจได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถรับบริการปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อได้เลย โดยไม่ต้องขอคำยินยอมจากผู้ปกครอง หากตรวจพบว่าติดเชื้อเอชไอวีจะได้เข้าสู่ระบบการรักษาด้วยยาต้านไวรัสโดยทันที ในปัจจุบันผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีแม้จะยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และใช้ชีวิตร่วมกับสังคมได้ เนื่องจากยาต้านไวรัสเอชไอวี มีประสิทธิภาพสูงสามารถควบคุมเชื้อไม่ให้เจริญเติบโต และช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ผู้ติดเชื้อที่กินยาอย่างครบถ้วนถูกต้องมีอายุที่ยืนยาว สุขภาพแข็งแรง และสามารถใช้ชีวิตร่วมกับสังคมได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 และสายด่วนปรึกษาเอดส์ 1663ขอบคุณข้อมูล : สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค