ดึงวัยโจ๋ต้องคดีชมละครสอนใจ ลดทำผิดซ้ำ
กรมคุมประพฤติ เผยยอดก่อคดี พุ่ง 3 แสนกว่าราย ส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน ชายมากกว่าหญิง คดียาเสพติดยังครองแชมป์ ผุดไอเดียดึงวัยโจ๋ต้องคดีบำบัดพฤติกรรมด้วยละครสอนใจ เน้นกระบวนการด้านบวก ให้โอกาสปรับปรุงตัวเอง หวังการทำผิดซ้ำลดลง
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวภายหลังนำเยาวชนที่ถูกคุมความประพฤติกว่า 50 คน เข้าชมละครเวทีเกมล่าฝันพันล้าน ซึ่งเป็นละครที่จุดประกายคนที่เคยพลาดผิดให้ได้คิด ว่า กรมคุมประพฤติมีหน้าที่แก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดที่เป็นเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่ ซึ่งเราใช้มาตรการลงโทษแบบไม่ควบคุมตัว แต่จะเปิดโอกาสให้ใช้ชีวิตได้ทั่วไป เพื่อทำให้เขารู้สึกอยากแก้ไขปรับปรุงตัวเอง โดยเน้น 3 เรื่อง คือสร้างความสมดุลทางด้านร่างกายจิตใจ และสังคม ต้องมีการขัดเกลาให้รู้ในสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ควรจะหลีกเลี่ยง มีทัศนคติเชิงบวก ที่ผ่านมาเราเคยใช้ศิลปะหลากหลายแขนกเพื่อนำมาบำบัดฟื้นฟู ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ จากผลการประเมิน พบว่า ทำให้ทัศนคติของเขาเปิดรับในเชิงบวกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม รูปแบบของการฟื้นฟูจะไม่หยุดนิ่ง เนื่องจากบริบททางสังคมมีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เราต้องให้เขากลับมามีพื้นที่ยืนเป็นคนดีของสังคมได้
“เรามีความเชื่อมั่นว่าศิลปะการแสดงละครเวทีเรื่องนี้ จะเป็นตัวส่งเสริมให้เด็กมีความคิดในเชิงที่สร้างสรรค์ มีความคิดในเชิงบวก มีจินตนาการ เพื่อทำให้เขามีพลังจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น นอกจากนี้หลักวิชาการยังพิสูจน์ว่าการได้ดูละครเวทีน้ำดี จะช่วยให้เยาวชนสามารถสร้างวินัยได้ และเยาวชนที่ได้เข้ามาดูละครในครั้งนี้จะได้สะท้อนถึงชีวิตของเขา แล้วนำทักษะชีวิตที่เป็นปัจจุบันมาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณทาง สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)และเครือข่ายละครรณรงค์ดีดี๊ดี ที่ให้โอกาสกับเด็กที่ก้าวพลาดได้ชมละครน้ำดีในครั้งนี้ โดยหลังจากนี้จะมีการวางแผนเพื่อพัฒนากิจกรรมแนวนี้ให้เป็นจริงและต่อเนื่องมากขึ้นต่อไป” นางสาวรื่นวดี กล่าว
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้จำนวนสถิติผู้ที่ถูกคุมความประพฤติรวมถึงผู้ที่อยู่ระหว่างการบำบัดฟื้นฟู มีทั้งหมดประมาณ 3 แสนกว่าราย เป็นชายมากกว่าหญิง ช่วงอายุประมาณ18-20 ปี ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติด ส่วนผู้ใหญ่ก็จะเป็นคดีอาชญากรรมต่างๆ ที่ผ่านมาได้นำเยาวชนมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยใช้กระบวนการด้วนบวก พบว่า การกระทำผิดซ้ำลดลงซึ่งทางกรมเองจะพยายามขับเคลื่อนงานตั้งแต่กลางน้ำปลายน้ำ ขึ้นมาเป็นส่วนด้านหน้า ซึ่งก็มีข้อจำกัดในเรื่องของบุคลากร แต่ยังโชคดีที่มีพลังของชุมชนเข้ามาช่วยเป็นจิตอาสา และมีเครือข่ายภาคประชาชนองค์กรต่างที่เป็นมิตรที่ดี
ด้าน นายเอ (นามสมมติ) เยาวชนจากศูนย์คุมประพฤติศาลแขวงพระนครใต้ กรุงเทพฯ กล่าวว่าตนถูกคุมความประพฤติในคดีเมาแล้วขับ ต้องมารายงานตัว 3 ครั้งต่อ 1 เดือน และเมื่อทางกรมคุมประพฤติได้พามาชมละครเวทีเรื่องนี้ทำให้ได้ข้อคิดกลับไปทบทวนตัวเองมากมาย โดยเฉพาะการมีความฝัน การทำผิดพลาดแต่เมื่อเราสำนึกอยากแก้ไขสิ่งที่ผิด โอกาสจากสังคมก็มีให้เราเสมอ อย่างไรก็ตามอยากฝากถึง เยาวชนทุกคนว่า จะทำอะไรต้องมีสติอย่าคึกคะนอง เพราะความสูญเสียจะเกิดขึ้นทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างและเมื่อสังคมยังให้โอกาสก็อย่าใช้ทำลายมันลง ต้องพยายามยึดมั่นปรับปรุงเตือนสติตัวเองและแก้ไขให้ดีขึ้นอย่างน้อยก็เพื่อคนที่เรารักและคนที่รักเรา
ที่มา : หนังสือพิมพ์ astv ผู้จัดการ