“ซื้อกิน….ง่ายกว่า” ก็จริงนะ
ที่มา : แฟนเพจ Home 6 บ้านฉันน่าอยู่
ภาพประกอบจากแฟนเพจ Home 6 บ้านฉันน่าอยู่
"ซื้อกิน….ง่ายกว่า" ก็จริงนะ และฉันว่า…อาจตายได้ง่ายๆ เช่นกัน
ทุกวันนี้เด็กกับขนมกรุบกรอบ ดูจะเป็นบุพเพสันนิวาสที่หนูน้อยกับขนมถุงต้องได้พบเจอกันอยู่เสมอ ดูได้จากผลการวิจัยของ สำนักงานกองทุนส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่พบว่าเด็กไทยในระดับ ป.5-ม.3 กว่าครึ่งใช้เงินที่พ่อแม่ให้ไปโรงเรียนซื้อขนมขบเคี้ยวกรุบกรอบ ทำให้เด็กติดในรสชาติขนมซึ่งไม่มีประโยชน์ และไม่กินผักผลไม้ เกิดปัญหาฟันผุและโรคอ้วนตามมา
ฉันว่า…ปัญหาคือเด็กไม่ได้รับการปลูกฝังเกี่ยวกับการเลือกอาหารบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเมืองเท่านั้น ต่างจังหว้ดก็หนักหน่วงค่ะ !!!!!! ในพื้นที่ชนบทห่างไกลยิ่งกลับมีปัญหาซ้ำซ้อน ทั้งภาวะเกินและขาดทางด้านโภชนาการคือมีทั้งเด็กอ้วนและเด็กน้ำหนักน้อยกว่าปกติด้วย
ที่อยากเล่าให้ฟังคือ หลังจากตะลอนเที่ยวไปเรื่อยแถวๆ พังงา เพื่อนเจ้าถิ่นก็ได้เล่าให้ฟังว่าโรงเรียนบ้านตากแดด ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ก็เจอปัญหาไม่ต่างกัน จึงได้ร่วมมือกับผู้ปกครอง หน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยงานปกครองท้องถิ่น จัดทำโครงการ “หนูน้อยบ้านตากแดดน่ารักด้วยผักผลไม้” ขึ้นโดยมุ่งหวังที่จะลดภาวะทุพโภชนาการของเด็กทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน
ซึ่งกระบวนการแก้ปัญหานั้น ทางโรงเรียนได้ร่วมกับสาธารณสุข และชุมชน เป็นคณะทำงานร่วมกำหนดรายการอาหาร โดยแม่ครัวจะอาหารกลางวันตามเมนูที่กำหนดไว้ ซึ่งดีต่อสุขภาพและเด็กๆ ก็ชื่นชอบไปพร้อมๆ กัน และเพื่อเน้นย้ำให้เกิดความมั่นใจว่าเด็กจะกินผักแน่นอนและนิสัยการกินผักจะติดตัวไป ทางโรงเรียนได้จัดให้มีนักเรียนแกนนำชวนน้องกินผัก คอยดูแลเด็กในกลุ่มเป้าหมายคือเด็กที่มีภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และเด็กอ้วนด้วย
ที่น่าภาคภูมิใจคือจากการรณรงค์เรื่องภาวะโภชนาการของเด็กในโรงเรียน นอกจากจะส่งเสริมให้ผู้ปกครองและคนในชุมชนปลูกผักกินผักมากขึ้นแล้ว โครงการลดสารพิษในผักที่ปลูกตามครัวเรือนที่นำร่องโดยหน่วยงานสาธารณสุขก็ขยายผลตามไปด้วย ทำให้ชาวบ้านในชุมชนบ้านตากแดดเริ่มหันมาสนใจปลูกผักแบบปลอดสารพิษกินเองในครอบครัว ช่วยลดรายจ่ายและยังสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย
บ้านเพื่อนฉันน่าส่งลูกไปเรียนจริงๆ