ชุมชน “บางลำพู” ต้นแบบรวมพลังเยาวชนสำนึกรักบ้านเกิด
“ทุกวันนี้ถ้าเด็กได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เชื่อแน่ว่าปัญหาเยาวชนติดยาเสพติดหรือติดเกมส์ก็คงจะไม่เกิดขึ้นดังนั้นผู้ใหญ่จึงต้องมาร่วมกันหาวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ซึ่งที่ชุมชนบางลำพูได้มีการรวมกลุ่ม”เกสรลำพู” ขึ้นโดยเยาวชนในชุมชนจะมาร่วมกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้แก่ชุมชนและขยายผลไปสู่ชุมชนอื่นๆซึ่งทำให้เด็กในชุมชนรักถิ่นฐานมากขึ้น”ความรู้สึกปลาบปลื้มของ”ป้านิด”นางอรศรีศิลปีประธานประชาคมบางลำพูที่บอกเล่ากับน้องๆเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมซึ่งมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคมร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดขึ้นเพื่อพัฒนาเยาวชนหรือคนรุ่นใหม่ให้มีพลังปัญญาที่จะเข้าใจชีวิตสังคมมีความเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลกมีจิตอาสามีใจที่เปิดกว้างเคารพความแตกต่างและรู้จักสร้างเครือข่ายเยาวชนให้เข้ามาร่วมกันขับเคลื่อนสังคมให้เกิดสุขภาวะอย่างยั่งยืน
ป้านิดเล่าว่าชุมชนบางลำพูเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ซึ่งในสมัยก่อนจะเห็นต้นลำพูปลูกอยู่ริมน้ำและในเวลากลางคืนจะมีหิ่งห้อยมาเกาะจำนวนมากทำให้ใครที่ล่องเรือผ่านมาแถวนี้เมื่อเห็นแสงของหิ่งห้อยก็จะรู้ทันทีว่าถึงบางลำพูแล้วนี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ชุมชนแห่งนี้มีชื่อว่า””ดังนั้นชาวชุมชนบางลำพูจึงต้องร่วมกันอนุรักษ์ให้ต้นลำพูอยู่คู่กับชุมชนตลอดไปและหากต้นลำพูล้มตายก็จะต้องมีการปลูกทดแทน”เราต้องฝึกให้เยาวชนรู้จักรักหวงแหนชุมชนบางลำพูเพราะปัจจุบันในชุมชนมีประชากรแฝงเข้ามาจำนวนมากซึ่งเราจะให้คนกลุ่มนี้มารักและหวงแหนชุมชนเหมือนกับคนในชุมชนที่เกิดณที่แห่งนี้คงเป็นเรื่องยากดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันกระตุ้นให้คนในชุมชนโดยเฉพาะเยาวชนได้เห็นความสำคัญและมาร่วมกันต่อสู้เพื่อรักษาสิ่งที่ดีให้อยู่คู่กับชุมชนบางลำพูตราบนานเท่านาน”
ด้าน”น้องพี”นายพีระพงศ์ดวงดีผู้ประสานงานชมรมเกสรลำพูกล่าวว่าชมรมฯก่อตั้งมากว่า 10 ปีแล้วเวลาชุมชนบางลำพูจัดงานตามประเพณีชมรมก็จะเป็นตัวหลักสำคัญที่จะเข้าไปจัดงานและชวนเพื่อนจากพื้นที่อื่นแบบปากต่อปากให้มาร่วมกิจกรรมทำให้เกิดการมีส่วนร่วมและเพื่อนที่มาร่วมงานเมื่อเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ดีก็นำไปทำในชุมชนของตนเองบ้าง
“ก่อนที่จะเข้ามาร่วมในชมรมฯผมมักจะนั่งเล่นกีตาร์ที่สวนสันติชัยปราการซึ่งขณะนั้นยังไม่รู้ว่ากิจกรรมอาสาคืออะไรแต่พอมีรุ่นพี่มาชวนไปร่วมทำ
ก็รู้สึกสนุกและดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมชมรมฯมากมายส่งผลให้มีกิจกรรมที่หลากหลายตามไปด้วยเช่นกลุ่ม b-boy กลุ่มดนตรีเป็นต้นซึ่งเป็นเรื่องดีที่สามารถทำให้เยาวชนตลอดจนผู้ใหญ่ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ดีกว่าให้เด็กไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้าเล่นเกมหรือไปขี่มอเตอร์ไซค์แข่งกัน””น้องนัท” นายณัฐวุฒิกรมภักดีผู้เข้าร่วมโครงการฯจากศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพภาคอีสานกล่าวว่าการได้ลงพื้นที่มาดูงานที่ชุมชนบางลำพูทำให้ได้เรียนรู้ว่าคนในชุมชนร่วมกันอนุรักษ์สิ่งที่มีค่าของชุมชนไว้ผ่านกระบวนการของกลุ่มชุมชนที่มารวมตัวกันทำกิจกรรมทำให้ได้ข้อคิดว่าการสำนึกรักถิ่นฐานของชุมชนตนเองจะต้องนำไปใช้กับชุมชนอื่นทั่วประเทศไทยด้วยเพราะหากคนในชุมชนไม่ร่วมมือไม่สามัคคีกันและต่างคนต่างอยู่เชื่อแน่ว่าก็คงไม่สามารถคงความเป็นชุมชนได้ซึ่งในฐานะที่ตนทำงานเกี่ยวกับการส่งเสริมสิทธิของชุมชนของชาวบ้านจะสร้างความหวงแหนชุมชนให้เกิดขึ้นให้ได้เพื่อให้ชาวบ้านมีอำนาจต่อรองกับนายทุนที่ไม่เป็นธรรมเช่นการที่นายทุนเข้ามาช่วงชิงทรัพยากรของคนในชุมชนไปก็จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องความรู้ด้านกฎหมายเพื่อให้ชาวบ้านลุกขึ้นมาทวงถามและต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นปิดท้ายที่”น้องต่าย” .ส.ภนิธาโตปฐมวงศ์ผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาฯจากกลุ่ม a-chieve กล่าวว่าการดูงานในครั้งนี้ทำให้ได้รับประสบการณ์และแรงบันดาลใจที่จะสานงานของตัวเองต่อไปซึ่งจากการได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนบางลำพูพบว่าสิ่งที่ชุมชนทำมีความหมายและยิ่งใหญ่มากเพราะชุมชนบางลำพูตั้งอยู่ท่ามกลางแหล่งท่องเที่ยวเช่นถนนข้าวสารซึ่งเป็นจุดที่ต้องปะทะกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เปลี่ยนไปแต่ที่นี่กลับยังสามารถอนุรักษ์และคงความเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งไว้ได้จึงรู้สึกประทับใจมาก
การพัฒนาเยาวชนตามโครงการพัฒนาคนรุ่นใหม่ฯในครั้งนี้จะทำให้เยาวชนไทยที่ได้รับทั้งประสบการณ์ใหม่ๆได้แสดงออกทางความคิดได้ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์เป็นเยาวชนที่มีความเข้มแข็งและมีพลังมากขึ้นเพื่อเป็นพลังหลักในการขยายผลไปสู่เยาวชนคนอื่นที่จะมาร่วมกันเปลี่ยนแปลงสังคมในทางที่ดีต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
