ชมรมผู้สูงอายุอ่อนแอ วอนรัฐช่วยอุดหนุน
วิจัยพบชมรมผู้สูงอายุอ่อนแอขึ้นทะเบียน 23,040 แห่ง แต่ทำงานได้จริงแค่หมื่นเดียว ที่เหลือล้มหายไปกว่าครึ่ง เหตุขาดการสนับสนุนขาดผู้นำ ขาดงบประมาณต้องทอดผ้าป่าหาเงินทำกิจกรรมกันเองทั้งปี มีรายได้ แค่ 1,000-2,000 บาท วอนรัฐสนับสนุนงบประมาณ สร้างชมรมให้เข้มแข็งยืดเวลาพึ่งพิงผู้สูงอายุ
โครงสร้างประชากรสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แผนสวัสดิการเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังไม่ชัดเจน มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) เผยผลการศึกษา เรื่อง “ลักษณะการดำเนินงานและกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุ” เพื่อสำรวจการบริหารจัดการของชมรมผู้สูงอายุ กิจกรรมการดำเนินงานปัญหาและอุปสรรคเพื่อให้ชมรมผู้สูงอายุสามารถเป็นที่พึ่งพิงของผู้สูงอายุได้จริงในชุมชน
ศ.ศศิพัฒน์ ยอดเพชร นักวิจัยโครงการกล่าวว่า ได้ทำการศึกษาวิจัยสมาชิกชมรมผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนกับสภาผู้สูงอายุจำนวน 23,040 แห่งทั่วประเทศ โดยผลการศึกษาพบว่ายอดชมรมผู้สูงอายุที่มีการดำเนินงานจริงมีเพียง 10,470 แห่ง เนื่องจากการส่งแบบสอบถามและสุ่มสัมภาษณ์ พบว่ามีตัวเลขที่สามารถดำเนินการได้จริงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น
ผลการวิจัยยังพบอีกว่า ในจำนวนชมรมผู้สูงอายุที่ดำเนินการ พบว่า โครงสร้าง ชมรมมีชื่อชมรมซ้ำซ้อนกับชมรม สมาคมอื่น เช่น สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือ องค์กรอื่นๆ ในชุมชนทำให้การดำเนินงานทับซ้อนกัน
ส่วนลักษณะการก่อตั้งชมรมนั้นเกิดจากแกนนำเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล สถานีอนามัยจำนวน 37.5% และผู้สูงอายุในชุมชน 34.8% อปท. อบต. เทศบาล 10% ผู้ใหญ่บ้าน 4.9% เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม 3.0% โดยการก่อตั้งกว่า 91% มีเป้าหมายเพื่อดูแลสุขภาพ และ 80% เพื่อพบปะสังสรรค์ นอกจากนี้ การก่อตั้งชมรมส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงปี 2544-2550 ในส่วนของความสำเร็จของชมรมนั้น
ศ.ศศิพัฒน์ กล่าวว่า เกิดจากแกนนำที่เป็นผู้เสียสละ มีเงินทุนในการบริการ สามารถวิเคราะห์ตัวเองได้ตลอดเวลา มีการประชุมสม่ำเสมอ มีความโปร่งใส และมีความสามารถในการแสวงหางบประมาณส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ชมรมผู้สูงอายุไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้หรืออ่อนแอนั้นเกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างกรรมการ ความขัดแย้งระหว่างสมาชิกเอง รวมไปถึงขาดงบประมาณ และความโปร่งใสในการดำเนินการ
ศ.ศศิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ชมรมผู้สูงอายุบางแห่งจัดหางบประมาณดำเนินการได้เพียง 1,000-2,000 บาทต่อปี ทั้งๆ ที่เขาจำเป็นต้องมีงบประมาณในการจัดกิจกรรมจำนวน 10,000-50,000 บาทต่อปีซึ่งไม่มากนัก งบประมาณของชมรมผู้สูงอายุไม่ได้ระบบการสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งการหางบประมาณส่วนใหญ่มาจากการจัดทอดผ้าป่าและขอสนับสนุนงบดำเนินการเป็นรายโครงการจากกองทุนผู้สูงอายุ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
“อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างชมรมผู้สูงอายุให้เข้มแข็ง เพราะว่าจะเป็นพื้นฐานในการยืดเวลาการพึ่งพิงตนเองของผู้สูงอายุให้ยาวนานได้ เนื่องจากการทำกิจกรรมและการร่วมพบปะพูดคุยทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่า”
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ