งานยักษ์สมัชชาปฏิรูป ประชุมสุดยอดทางสังคม

 


อ่านข่าวความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของกระบวนการปฏิรูปประเทศไทยบ้างหรือเปล่าครับ?!?


ผมถือว่าเป็น “ข่าวดี” และข่าวใหญ่ประจำปี 2554 เลยนะครับ ถึงแม้หันมองไปทางไหนในสังคมโลกใบนี้แล้ว มีแต่เรื่องวุ่นๆ และข่าวความหายนะที่เกิดจากภัยธรรมชาติต่างๆ และภัยสงครามแย่งชิงผลประโยชน์กันอย่างมากมายราวกับเป็นลูกโซ่หรือโดมิโนก็ตาม


ข่าวดีที่ว่าก็คือ การจัดงานใหญ่ของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปนำโดย นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) ภายใต้ชื่องาน “สมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครั้งที่ 1 : สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม” ระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคมที่อิมแพ็คเมืองทองธานี


ผมยืนยันว่าเป็น “ข่าวดี” ก็เพราะมันเป็นภาพสะท้อนที่ตอกย้ำว่า ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะเป็นอย่างไร หรือในอนาคตอันใกล้ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศจะยุบสภาไม่เกินเดือนพฤษภาคมนี้ก็ตาม กระบวนการเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ให้มีคุณภาพชีวิต และสุขภาวะที่ดีกว่า ยังคงเดินหน้าต่อไป แตกต่างจากแนวทางการปฏิรูปในอดีตที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง เพราะแต่ก่อนแต่ไรนั้น รัฐบาลไป นโยบายก็ถูกเก็บเข้าลิ้นชักไปด้วย


จากการแถลงข่าวของประธาน คสป.หรือคุณหมอประเวศนั้น ระบุว่า การประชุมสมัชชาปฏิรูประดับชาติครั้งที่ 1 เกิดจากการทำงานทางวิชาการของ คสป. ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งพบปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เห็นว่าควรนำเสนอต่อสังคม จึงจัดประชุมในครั้งนี้ซึ่งถือเป็นการประชุมสุดยอดทางสังคม (Social Summit) ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยจะมีองค์กรเครือข่าย 234 กลุ่ม 1,145 เครือข่ายจากทุกภาคส่วนเข้าร่วม และถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นของกระบวนการแก้โจทย์ของชาติเพราะเชื่อว่าการปฏิรูปโครงสร้างและระบบนั้น ไม่ใช่ใครหรือกลุ่มใดก็สามารถทำได้โดยลำพัง อำนาจรัฐก็แก้ไม่ได้ จำเป็นต้องอาศัยพลังของประชาชนทั้งประเทศ ต้องติดอาวุธทางปัญญาให้กับประชาชน


ทั้งนี้ฉันทามติที่จะได้จากการสมัชชาครั้งนี้จะมีความสำคัญของประเทศที่จะเป็นการนำเสนอแนวทางเพื่อแก้ทุกข์ของชาติอย่างที่ไม่มีรัฐบาลใด ทั้งในอดีต ปัจจุบันเคยทำก่อน


ครับ ..ในฐานะที่ผมติดตาม ตรวจสอบ จนถึงขั้นแอบลุ้นเงียบๆ สำหรับนโยบายการปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่  มั่นคง เข้มแข็ง มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างพอเพียงและยั่งยืนมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 1ปี หลังจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ชูประเด็นนี้เพื่อสร้างความปรองดอง และเรียกคืนความสมานฉันท์กลับสู่สังคมไทยนั้น ผมเข้าใจและตระหนักดีเหมือนใครอีกหลายคนที่มีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับกระบวนการขับเคลื่อนการปฏิรูปว่า ปฏิรูปประเทศไทยเป็นเรื่องยาก”แต่เรื่องยากแสนยากนั้น หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรง สำคัญอยู่ที่ความตั้งใจและพยายาม อีกทั้งความเห็นที่ตกผลึกร่วมกันว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลง


การจัดเวทีสัมมนาระดับชาติที่อาจารย์ประเวศสรุปว่าเป็นการประชุมสุดยอดทางสังคมนี้ จึงไม่ใช่เป็น โรดแม็พ”ของนักคิด นักวิชาการ หรือจากการชี้นำของราษฎรอาวุโส เจ้าของรางวัลแมกไซไซท่านนี้คนเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ผ่านการพิเคราะห์ เจาะลึก ศึกษา รวบรวมข้อมูลผ่านแนวทางที่เรียกว่า สมัชชาปฏิรูป” มาพักใหญ่ เพื่อการนำเสนอให้รัฐบาลและทุกฝ่ายได้นำไปปฏิบัติและผลักดันให้เป็นจริงต่อไป


เพราะ…สมัชชาปฏิรูป เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมประสานให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างหลากหลายและกว้างขวางบนฐานของปัญญาและสมานฉันท์ เพื่อนำไปสู่การมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติหรือนำไปพิจารณากำหนดเป็นนโยบายสาธารณะสำหรับการปฏิรูปประเทศไทย


“ก่อนจะถึงเวทีระดับชาติ ได้มีการจัดทำกระบวนการสมัชชาล่วงหน้ามานานมากประชาชนทุกภาคส่วน ทุกระดับ และเครือข่ายต่างๆ ทั่วประเทศได้ร่วมกันศึกษาค้นคว้าถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีการทำงานวิชาการอย่างเข้มข้นเพื่อหาสาเหตุเชิงโครงสร้างว่าเกิดจากอะไร รวมถึงการแสวงหาข้อสรุปเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน เมื่อนำ ข้อเสนอที่ผ่านการสังเคราะห์ร่วมกันแล้วเข้าสู่สมัชชาปฏิรูประดับชาติ จึงเท่ากับเป็นการประชุมสุดยอดทางสังคม (SocialSummit) หากผลสรุปหรือมติเรื่องใด ออกมาอย่างไร นั่น คือวัตถุประสงค์ร่วม ผมเชื่อว่าทุกภาคส่วนพร้อมยอมรับนำไปขยายผลต่อไปอย่างแน่นอน เพราะมีส่วนร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มแรกจึงมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ มีความตระหนักว่าประชาชนเป็นผู้ปฏิรูปประเทศไทย ไม่ใช่โดยใครคนใดคนหนึ่ง ทำให้เกิดความกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องต่อไป” ส่วนหนึ่งจากถ้อยแถลงของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี


ฉะนั้น ใครว่าง ใครสนใจ ก็อย่าพลาดงานประชุมครั้งนี้ หากคุณคิดว่า การปฏิรูปประเทศเป็นส่วนหนึ่งในหน้าที่ของความเป็นปวงชนชาวไทย เราก็ควรจะเดินเข้าไปช่วยกันคิด แลกเปลี่ยนอย่างสร้างสรรค์…จริงไหมครับ


สำหรับสาระที่ คสป.จะดำเนินการผลักดันแนวทางการสร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำนั้น  มีอยู่ด้วย 4เรื่อง 8ประเด็นคือ 1. การกระจายอำนาจสู่ชุมชนท้องถิ่น  สนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นดูแลจัดการตัวเองได้ จะมีการเสนอให้เพิ่มจากงบประมาณลงท้องถิ่นจาก 26 % เป็น 35 % ตามที่กฎหมายกำหนด 2. ปฏิรูปการจัดการทรัพยากร เพื่อให้ประชาชนมีที่ดินทำกินรวมไปถึงการจัดการทรัพยากรชายฝั่งคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชน 3. ปฏิรูปสังคมไม่ให้คนไทยทอดทิ้งกัน ประกอบไปด้วยการปฏิรูประบบประกันสังคม สร้างระบบประกันสุขภาพให้กับสังคมของผู้สูงอายุ รวมไปถึงการนำเอาเงินสลากกินแบ่งรัฐบาลกลับคืนสู่คนจนโดยนำเงิน 12,700ล้านบาทต่อปี เข้าสู่กองทุนโดยบริหารจัดการอย่างเป็นอิสระเหมือนสำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของคนพิการ และประเด็นสุดท้ายคือการใช้พลังทางศิลปะเพื่อสร้างสรรค์สังคม


สรุปก็คือ งานนี้จะมีการลงมติ 4 เรื่องหลัก ได้แก่ ปฏิรูปที่ดินและทรัพยากร ปฏิรูประบบประกันสังคม ปฏิรูประบบการกระจายอำนาจ และการสร้างสังคมที่คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน


ผมไม่ทอดทิ้งงานนี้แน่นอน  เพราะนอกจากการประกาศเจตนารมณ์ร่วมในการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศไทยของผู้แทนจากองค์กร เครือข่ายต่างๆที่ตอบรับการเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 2,000 คนแล้ว ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆหลายด้าน อาทิ การประชุมพิจารณาร่างมติตามระเบียบวาระการประชุมทางวิชาการ และกิจกรรมตลาดนัดปฏิรูปอีกด้วย เรียกว่า ชุมชนใดมีของดีอะไรจะโชว์ ว่าเขาขับเคลื่อนงานปฏิรูปกันอย่างไร เขาก็จะนำมาอวดกันเต็มที่ เหมือนแข่งขันกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ ซึ่งถ้าคนไทยลุกขึ้นมาช่วยกัน ถึงแม้จะลอกการบ้านของชุมชนอื่นมาก็ตาม ก็นับเป็นนิมิตที่ดีในการเปลี่ยนแปลงนะครับ


การทำดีอาจจะยาก แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ เหมือนการปฏิรูปนี่แหละ เรื่องยากๆจะกลับกลายเป็นง่ายทันที หากเราพยายามโดยไม่จำเป็นต้องไปสนใจเลยว่า ใคร หน้าไหน จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นรัฐบาล เพราะเราพิสูจน์กันมาแล้วว่า การปฏิรูปนั้นอาศัยซึ่งอำนาจรัฐฝ่ายเดียวนั้นไม่สำเร็จ ถ้าขาดฐานสำคัญที่เรียกว่าพลเมือง


 


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์โดย นายใฝ่ฝัน ปฏิรูป

Shares:
QR Code :
QR Code