ค่าย Gen Z ยุคคุณธรรม 5.0
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
ปัญหาการติดสื่อออนไลน์เด็กยุค Gen Z มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยส่วนหนึ่งเกิดจากวิธีการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ใช้อุปกรณ์ไอทีเลี้ยงลูก แม้ต้องยอมรับว่าการอยู่ในยุคเทคโนโลยีท่วมท้น คงยากที่จะหลีกเลี่ยงการมีชีวิตติดมือถือ เพราะสื่อดิจิทัล จะเป็นเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของเด็กเยาวชนยุคนี้
เรียกได้ว่า เกิดมาในยุคดิจิทัลโดยกำเนิด แต่ปัญหาที่เกิด ก็เพราะเยาวชนและวัยรุ่นไทยใช้เวลาอยู่กับกิจกรรมหน้าจอมากเกินไป ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาปวดใจของผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี
พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์ เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หรือหมอโอ๋ เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันให้ฟังว่า เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าเด็กยุคใหม่โตมากับสื่อเทคโนโลยีตั้งแต่เล็ก และมีพ่อแม่เป็น role model สำคัญ เมื่อพ่อแม่ใช้มือถือ เด็กก็มีพฤติกรรมเลียนแบบตาม ซึ่งจะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้ เด็กที่เล่นตามสวนสาธารณะ หรือสนามเด็กเล่นลดน้อยลงเพราะมีชีวิตอยู่กับมือถือเป็นหลัก "โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นจะเป็นวัยที่สมองส่วนความอยากทำงานเยอะมากกว่าในส่วนการคิดวิเคราะห์แบบผู้ใหญ่ ซึ่งสื่อเหล่านี้จะเข้ามาปิดกั้น การพัฒนาหรือการทำงานของสมอง มีผลที่ไม่แตกต่างกับการที่เด็กติดยาเสพติด เพราะทำให้หลั่งสารแห่งความสุข จนเกิดอาการติดเวลาไมได้เล่นหรือไม่ได้เสพย์เขาจะรู้สึกหงุดหงิด จนทำให้เสียการเรียน มีปัญหาสัมพันธภาพ"
หมอโอ๋เสริมต่อว่า ขณะเดียวกันเด็กที่ติดโซเชียลมีเดีย อย่างเฟสบุค ก็มีผลทำให้เด็กมีบุคลิกคิดมองตัวเองเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้โซเชียลมีเดียยังทำให้เด็กสร้างหรือหล่อหลอมตัวเองในโลกโซเชียลแบบไม่รู้ตัว อยากมีภาพในโลกเสมือน และพยายามมีในสิ่งที่ตัวเองสร้าง แต่ชีวิตจริงกลับรับไม่ได้ ส่งผลให้มีทั้งโรคหลงตัวเอง หลอกตัวเองมากขึ้น
"เช้าตื่นมาก็นึกถึงคิดแต่เรื่อง ตัวเอง การได้รับการตอบสนองเชิงบวกจากสังคมเช่น โพสต์อะไรไปมีคนคลิกไลค์ การได้รับสิ่งเหล่านี้จะสร้างตัวตนที่ บิดเบือน เนื่องจากเป็นวัยที่ตัวตนไม่ชัด ทำให้เด็กมีพฤติกรรมตัวตนตอบสนองตามกระแสที่สังคมต้องการ หรือการได้เห็นชีวิตดีๆ สวยหรูของคนอื่น ทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างไม่เหมือนกัน การเสพย์เช่นนี้ไปเรื่อยๆ อาจมีผลต่อ การพัฒนาไปสู่โรคซึมเศร้า"
หมอโอ๋ให้ข้อมูลต่อว่าการใช้ชีวิตในแบบวัตถุนิยม ทำให้เด็กมีผลกับวิธีคิดของเด็ก เพราะไปปรับมายด์เซ็ทของเด็กว่าเป็นเรื่องที่ควรไปถึง
"ซึ่งเด็กวัยนี้สมองพัฒนาไม่เสร็จ เราอยากให้เขาพัฒนา EF แต่ปรากฏว่ายุคนี้เด็กไม่เคยต้องพัฒนาเลย ทำให้เขาไม่รู้จักความอดทน"
กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น เอ่ยต่อว่า เด็กยุคนี้การพัฒนาความอดทนและมีวินัยแทบไม่ได้ถูกบ่มเพาะ
"เขาไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตทำกิจกรรม ทำงานบ้าน เพราะชีวิตเขาติดกับเรื่องสนุกเท่านั้น สุดท้ายอะไรลำบากก็ไม่เอา เด็กติดมือถือเพราะไม่มีอะไรทำ พ่อแม่ต้องหากิจกรรมให้ลูกดึงความสนใจ หาหน้าที่ความรับผิดชอบ หรืออะไรที่สนุกทดแทนการเล่นเกมหรือมือถือ
ซึ่งจริงๆ แล้วปัญหาสำคัญของเด็กติดหน้าจอ คือเรื่องของ "วินัย" พ่อแม่หลายคนหยิบมือถือให้กับลูกเองโดยไม่มีกติกา แต่ความจริงพ่อแม่ต้องช่วยเป็นสมองส่วนหน้า ในการวางแผน สร้างวินัยและกติกาในบ้าน เพื่อฝึกให้เด็กควบคุมตัวเอง แต่ปัจจุบันเราเจอแต่พ่อแม่ที่ควบคุมโดยใช้ปาก แต่เด็กจะรู้พ่อแม่ ไม่ได้จริงจัง"
ข้อมูลเสริม โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ยืนยันว่า ปัจจุบันเด็กไทยใช้เวลากับหน้าจออินเทอร์เน็ต 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 3 ชั่วโมง ทั้งกิจกรรม การเล่นเกม เล่นโซเชียล
"มีข้อมูลที่น่าสนใจคือ พฤติกรรมเด็กเยาวชน ยุค Gen Z จากการสรุปข้อมูลการใช้งานโซเซียลมีเดียของคนไทย ใน พ.ศ. 2561 โดยบริษัท โธธ โซเซียล จำกัด พบว่า วัยรุ่นที่เล่นเฟซบุ๊คหนี พ่อแม่มาเล่นทวิตเตอร์มากขึ้น สาเหตุ มาจากพ่อแม่ที่คอยส่องลูกติดตามศิลปินดาราที่ชื่นชอบ นอกจากนี้การสำรวจสถานการณ์เด็กไทยกับภัยออนไลน์ มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย พบว่า 95% เด็กเยาวชนตระหนักดีว่าอินเทอร์เน็ตมีอันตราย 70% รู้ว่าเพื่อนออนไลน์ไม่พูดความจริง และพบว่า เด็กเยาวชนเกือบครึ่ง หรือ 46% เคยถูกแกล้งทางออนไลน์"
ดร.นพ.ไพโรจน์เอ่ยต่อว่า สังคมบนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่มักนำเสนอบางแง่มุมด้านดีของตัวเอง สะท้อนสังคมที่เน้นค่านิยมทางวัตถุ ส่งผลต่อพฤติกรรม ความคิดและพัฒนาไปสู่ภาวะซึมเศร้า ดังนั้น การส่งเสริมคุณธรรมแก่เด็กเยาวชนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจให้เข้มแข็ง
"สสส. จึงสนับสนุนโครงการ ไทยแลนด์ ซุปเปอร์ แคมป์ เพื่อให้เด็ก เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และส่งเสริมคุณธรรมโดยออกแบบกิจกรรมในรูปแบบค่ายที่สนุกสนาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมปิดเทอมสร้างสรรค์" ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
"ไทยแลนด์ ซุปเปอร์ แคมป์" (THAILAND SUPER CAMP) คือค่ายเยาวชนแห่งการพัฒนาตัวเอง ภายใต้โครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ เพื่อสร้างมายด์เซ็ทคุณธรรมเด็กไทย 5.0 ด้วย การปรับกระบวนทัศน์ทั้ง 5 ข้อ พอเพียง วินัย สุจริตจิตอาสารับผิดชอบผ่านรูปแบบค่ายกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความสนุกและสร้างสรรค์ หวังสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ให้พร้อมก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างมีคุณภาพ
โดยโครงการนี้เป็นความร่วมมือกับ มูลนิธิธรรมดี องค์กรภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคประชาสังคม มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด และศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)
ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี กล่าวว่า จากกระแสความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและนอกประเทศ ทำให้เยาวชนไทยยุคปัจจุบันมีพฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น ขาดจิตสำนึก คุณธรรม วินัย ความซื่อสัตย์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเหนือประโยชน์ส่วนรวม ถึงเวลาที่ทุกภาค
ส่วนจะต้องร่วมมือกันสร้างกระบวนทัศน์และหลักคิดที่เหมาะสมตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อสร้างเยาวชนไทยให้เป็นคนที่สมบูรณ์ มีสมรรถนะทางกาย มีจิตใจ และจิตสำนึกที่ดีงาม มีคุณธรรม ในด้านความ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และรับผิดชอบ จึงร่วมกับ สสส. จัดค่าย "ไทยแลนด์ ซุปเปอร์ แคมป์" เน้นพัฒนา EQ เพื่อสร้างมายด์เซ็ทคุณธรรม 5.0 ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้ผจญภัยไปกับความคิดของตัวเอง อาทิ กิจกรรม ECO KIDS 5.0 Smart Heart ศิลปะเปลี่ยนโลก และTeamwork Tournament ศีล 5 ที่จะเกิดการเรียนรู้ พร้อมสื่อสารไปยังครอบครัวและสังคม พร้อมเป็นตัวอย่างของเยาวชนต้นแบบ ผู้มีคุณธรรมจริยธรรม ตั้งมั่นในความ พอเพียงซื่อสัตย์และสุจริต
ด้าน ครูมาย อิศวัชร์ ปิ่นทอง โค้ชผู้ดูแลโครงการเล่าถึงกระบวนการว่า ค่าย Thailand Super Camp เป็นความตั้งใจที่จะสร้างทางเลือกและปรับพฤติกรรมเด็กให้ห่างไกลหน้าจอมากขึ้น โดยการสร้างกิจกรรมทางกายที่ท้าทายและมีความสนุกสนาน
"เราอยากให้เขารู้ว่ามีความสนุกที่ มากกว่าการใช้ชีวิตอยู่ในโซเชียล เมื่อเด็กสนุกจากการเล่นโซเชียลหรือเกม เราก็พยายามดึงให้เขาหันมาสนุกกับเรื่องอื่นแทน โดยเราลองดึงให้เขามาอยู่โลก ความเป็นจริง ให้รู้จักการแข่งขันในโลก ความจริง เพื่อให้เขารู้ว่ามันท้าทายแค่ไหน รวมถึงการปลูกฝังการพัฒนาจิตใจ และจิตสำนึกที่ดีงาม ให้เป็นเด็กที่มีคุณธรรม เราอยากให้เด็กเกิดความยับยั้งตัวเองได้ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เราออกแบบ"
นอกจากนี้ทางโครงการ "THAI LAND SUPER CAMP" ยังได้เปิดโอกาสให้กลุ่มนักเรียน นักศึกษาจิตอาสาที่มีพลังสร้างสรรค์อย่างเต็มเปี่ยมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมเรียนรู้จาก การปฏิบัติงานจริงผ่านโครงการ "THAI LAND SUPER CAMP-Train The Trainer" ซึ่งจะจัดอบรมกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ให้เป็นผู้ดูแลเยาวชนในค่ายพร้อมเรียนรู้กระบวนการสร้างสรรค์กิจกรรมการจัดค่าย "THAILAND SUPER CAMP" เพื่อนำไปขยายผลจัดโครงการ "THAILAND SUPER SCHOOL" ในระดับภูมิภาค
สำหรับค่าย "ไทยแลนด์ ซุปเปอร์ แคมป์" จะจัดขึ้นรุ่น ป.4-ป.6 วันที่ 8- 13 ต.ค. 61 และ ม.1-ม.3 วันที่ 15-20 ต.ค 61 ณ ค่ายกรุงเทพวันวาน เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ ถึง 15 ก.ย. 61 ทุกกิจกรรมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัดเพียงรุ่นละ 50 คนเท่านั้น
รายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมดาวน์โหลดใบสมัครที่เฟซบุ๊ก thailand supercamp2018 ติดต่อสอบถาม โทร. 0 2610 2375