“ครัวกลาง” มาตรฐานอาหารเด็กเมืองสุรินทร์
จากข้อมูลขององค์การยูนิเซฟในปี 2555 ระบุว่า เด็กไทยที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ทุก 1 ใน 6 คน มีภาวะทุพโภชนาการ นั่นหมายถึงเด็กไทยกำลังเผชิญเรื่องการขาดสารอาหารและได้รับสารอาหารบางอย่างมากเกินความต้องการของร่างกาย จนส่งผลต่อพัฒนาการในด้านที่สำคัญ เช่น การเรียนรู้ และร่างกายแคระแกร็น ผอมแห้ง หรืออ้วน เป็นต้น ที่ผ่านมาในการที่จะพัฒนาระบบโภชนาการของเด็กนั้น ยังติดขัดปัญหาหลายประการ ทั้งเรื่องการจัดการงบประมาณที่มีจำกัด ทักษะการประกอบอาหาร และรวมถึงความเข้าใจในด้านโภชนาการของแม่ครัว เป็นต้น
ที่เทศบาลตำบลเมืองแก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ จึงจัดการโภชนาการที่เรียกว่า "ครัวกลาง"ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนการสร้างระบบโภชนาการอาหารที่เหมาะสมของเด็กๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาล เน้นการมีส่วนร่วมของครูศูนย์และชุมชนเป็นที่ตั้ง โดยในแต่ละสัปดาห์ครูในศูนย์จะสลับกันส่งเมนูอาหารมาที่แม่ครัว เพื่อให้เกิดการควบคุมเมนูที่สำคัญ วัตถุดิบที่ทำอาหารเกือบทั้งหมดกว่าร้อยละ 80 มาจากชุมชน
สุรศักดิ์ สิงหาร ปลัดเทศบาลตำบลเมืองแก เล่าว่า การบริหารจัดการภายใต้งบประมาณค่าอาหารที่ได้รับจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมื้อละ 20 บาทต่อเด็กหนึ่งคน โดยการรวมเงินจากเดิมที่กระจายไปยังศูนย์ต่างๆ ทั้ง 4 ศูนย์ มาอยู่ที่เดียวกัน
จากนั้นก็จัดหาแม่ครัว 3 คน มาประจำที่โรงครัวของเทศบาล ซึ่งสภาเทศบาลได้อนุมัติงบประมาณในการสร้างโรงครัวจำนวน 817,000 บาท ที่ใช้พื้นที่ในเขตเทศบาลเป็นสถานที่ตั้ง หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาทีม โดยการส่งแม่ครัวและเจ้าหน้าที่ไปอบรมโภชนาการสมวัยที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือสสส. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนโครงการในการจัดหลักสูตรให้เพื่อให้ทุกคนเข้าใจกระบวนการจัดการอาหารกลางวันและปรับเปลี่ยนแนวคิดด้านการจัดการอาหาร เช่น หลักในการซื้อวัตถุดิบ เทคนิคการเตรียม การปรุงและการประกอบอาหาร หลักในการจัดทำ เมนูหมุนเวียนในรอบ 1 เดือน รวมถึงเรื่องความสะอาดด้านสุขาภิบาลอาหารและโรงครัว โดยมีโปรแกรม Thai School Lunch หรือระบบแนะนำสำรับอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียน ซึ่งเป็นโปรแกรมออนไลน์อัตโนมัติ เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ของแม่ครัวและเจ้าหน้าที่
"ครัวกลางของเทศบาลตำบลเมืองแกนั้น เน้นการมีส่วนร่วมของครูศูนย์และชุมชนเป็นที่ตั้ง โดยในแต่ละสัปดาห์ครูในศูนย์จะสลับกันส่งเมนูอาหารมาที่แม่ครัวเพื่อให้เกิดการควบคุมเมนู ที่สำคัญวัตถุดิบที่ทำอาหารเกือบทั้งหมดกว่าร้อยละ 80 มาจากชุมชน และอาหารเหล่านี้ก็รับประกันว่าเป็นพืชผักไร้สารพิษแน่นอน" ปลัดเทศบาลตำบลเมืองแก กล่าว
คำแสน ลักขษร ตัวแทนกลุ่มข้าวอินทรีย์บ้านเมืองแก ซึ่งเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่มีรายได้จากโครงการครัวกลาง เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้กลุ่มข้าวอินทรีย์บ้านเมืองแกมีสมาชิกกลุ่มทั้งหมด 27 คน และกลุ่มได้ทำงานมา 7 ปีแล้ว การที่เทศบาลสนับสนุนโดยการซื้อข้าวอินทรีย์ของกลุ่มถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะทำให้ได้ขาย ข้าวในราคาที่ดีกว่าตลาดทั่วไป นับเป็นการเสริมกำลังใจให้แก่สมาชิกกลุ่มเป็นอย่างดี และที่สำคัญเด็กๆ ในชุมชนก็ได้กินข้าวที่ปลอดภัยด้วย
โครงการกิน กอด เล่น เล่า ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เทศบาลตำบลเมืองแกร่วมกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้นำมาดำเนินการ โดยให้ครูศูนย์ทำกิจกรรมกับผู้ปกครอง ทั้งการจัดอบรมและการลงพื้นที่ให้คำแนะนำผู้ปกครองเพื่อกระตุ้นให้บ้านแต่ละหลังทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างเด็กๆ และผู้ใหญ่ ผ่านวิธีการกิน นั่นคือ ให้ผู้ปกครองเข้าใจถึงหลักการทำอาหารที่มีโภชนาการสมวัยให้แก่เด็กๆ กอดก็คือการมอบความรักความอบอุ่นให้เด็กๆ โดยการกอด เล่นก็คือการเล่นกับเด็กๆ ตามเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเล่าก็คือการอ่านหนังสือให้ฟัง หรือการเล่านิทาน อันจะเป็นการสร้างจินตนาการที่ดีให้แก่ เด็กๆ
เบญจวรรณ ปามา หนึ่งในผู้ปกครองนักเรียนที่ได้ร่วมทำกิจกรรมผ่านโครงการกิน กอด เล่น เล่า บอกว่า หลังจากมีโครงการตอนนี้ลูกชอบกินผักมากขึ้น อาจเป็นเพราะที่ศูนย์เด็กคุณครูหัดให้กิน และที่สำคัญตนเองก็มีความเข้าใจในเรื่องโภชนาการมากขึ้นเช่น ตอนนี้ทุกเช้าทำกับข้าวพวกต้มจืดใส่หมู และตอนเย็นก็ไม่ขาดผักเหมือนกัน รวมถึงตอนเย็นก่อนนอนถ้ามีโอกาสก็มักเล่านิทานให้ฟัง เพื่อสร้างความอบอุ่นให้เขา ซึ่งตอนนี้ก็เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นหลายอย่าง
โครงการ "ครัวกลาง" ของเทศบาลตำบลเมืองแก ไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะเรื่องการจัดการโภชนาการอาหาร แต่ยังมีเรื่องการกระจายรายได้ การสร้างความมั่นคงทางอาหาร การส่งเสริมความรักความอบอุ่นในครอบครัวและที่สำคัญทุกคนในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมเสมือนหนึ่งว่าเราเป็นเจ้าของร่วมกัน การเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่เหมาะสม เป็นการแบ่งเบาภาระของคุณครู ผู้ปกครองเองก็อุ่นใจว่าลูกหลานได้กินอาหารตามหลักโภชนาการ
ที่มา: เว็บไซต์โกลทูโนว์ โดย กมล หอมกลิ่น