คนไทยได้อะไรจากงาน TABINFO ASIA 2009

อย่ายอมแพ้ภัยผู้ประกอบการบุหรี่

 คนไทยได้อะไรจากงาน TABINFO ASIA 2009

If You win Thailand, You win The world. ถ้าคุณชนะประเทศไทย คุณชนะทั้งโลก

 

นั่นคือ สโลแกนการจัดงาน TABINFO หรือ เอ็กซ์โปขายบุหรี่ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าครบวงจรใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมยาสูบทั้งระบบ จัดโดยนิตยสาร Tobacco Reporter ระหว่างวันที่ 11-13 พ.ย. 2552 ที่อิมแพค เมืองทองธานี งานนี้จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1994 โดยใช้ชื่อ TABEXPO และเวียนจัดในประเทศแถบยุโรป จนกระทั่งปี 2005 จัดขึ้นที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย แต่ใช้ชื่อว่า TABINFO ASIA และจัดต่อเนื่องมาอีก 2 ครั้ง คือในปี 2006 และ 2007 และล่าสุดในปี 2009 ที่ประเทศไทย!!!

 

TABINFO ASIA 2009 หรืองานแสดงสินค้ายาสูบแบบครบวงจรของบริษัทบุหรี่ชั้นนำ เป็นงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่และยาสูบประเภทอื่นๆ ทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่แรก ผ่านกระบวนการผลิต จนเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบในรูปแบบต่างๆ ที่ขายตามท้องตลาด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้พบปะหารือกันเพื่อพัฒนาธุรกิจยาสูบ แสดงสินค้าใหม่ๆ และการทำการตลาดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ประกอบการมาร่วมแสดงสินค้าประมาณ 250 บริษัท และมีผู้เข้าชมงาน 4,000 – 6,000 คน

 

ส่วนเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นประเทศไทย? นั่นก็เพราะไทยได้รับการยกย่องว่ามีมาตรการในการควบคุมการบริโภคยาสูบที่ก้าวหน้ากว่าหลายๆ ประเทศ และนานาชาติให้การยอมรับสูง รวมทั้งไทยยังเป็นเป็น 1 ใน 194 ประเทศทั่วโลก ที่ลงนามในกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ (FCTC)

 

การที่บริษัทบุหรี่สามารถขยายตลาดบุหรี่ที่ประเทศไทยได้ จะสามารถการันตีได้ว่า ไปทำตลาดบุหรี่ที่ประเทศไหนก็ได้ เพราะเอเชียเป็นตลาดบุหรี่ที่ใหญ่ที่สุด โดยร้อยละ 57 ของผู้สูบบุหรี่ทั่วโลกอยู่ในเอเชีย หรือ 600-700 ล้านคน และอัตราการสูบบุหรี่ในทวีปเอเชียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ นักเรียน ออกมาคัดค้านการจัดงานที่ประเทศไทยมากมาย ด้วยความมุ่งหวังที่อยากให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวและรู้เท่าทัน แม้ไม่อาจคัดค้านให้การจัดงานยุติลงได้ แต่สังคมควรได้รับรู้ว่า บริษัทบุหรี่ข้ามชาติกำลังทำอะไรอยู่

 

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ศ.เกียรติคุณนพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และหนึ่งในนักรณรงค์ตัวยง บอกเกี่ยวกับการจัดงาน TABINFO ASIA 2009 ว่า การจัดงานครั้งนี้มันเหมือนกับการมาใช้ประเทศไทยเพื่อไปทำร้ายคนทั้งโลก ถ้าเราเฉยๆ ก็เหมือนกับเราไม่ทำหน้าที่ของหน่วยงานที่มีทำหน้าที่ในการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ โดยในช่วง งานเอ็กซโปบุหรี่ เราจะจัดประชุมเครือข่ายรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในภาคพื้นเอเชียคู่ขนานไปด้วย เพื่อคัดค้านและเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบที่จะเกิดขึ้น

 

ด้านความคืบหน้าของการรณรงค์คัดค้านการจัดงาน TABINFO EXPO 2009 ศ.เกียรติคุณนพ.ประกิต เล่าว่า จะมีการดำเนินการในรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ กระทรวงสาธารณสุขจะไปดูแลไม่ให้การประชุมทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 ที่ห้ามโฆษณาส่งเสริมการขาย ห้ามโชว์ผลิตภัณฑ์ กับ พ.ร.บ. คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 ที่ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่ประชุมและจัดนิทรรศการ อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุขยังได้สั่งการให้ กรมควบคุมโรค ส่งหนังสือชี้แจงการปฏิบัติตามกฎหมายไปถึง ผู้จัดงานที่อิมแพ็คฯ แล้ว หากผู้จัดงานยังปล่อยให้มีการสูบบุหรี่ในสถานที่จัดนิทรรศการ ก็ถือว่ามีความผิดทั้งสองฝ่าย

 

ด้านรัฐบาลก็จะไปดูแลให้หน่วยราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติตามมาตรา 5.3 ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ที่ห้ามไม่ให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ไปยุ่งเกี่ยวจัดกิจกรรมกับธุรกิจยาสูบ

 

เช่นเดียวกันกับ รศ.ดร.ภญ.จิราพร  ลิ้มปานานนท์ อาจารย์หน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม คณะเภสัชศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ที่ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ อาทิ เครือข่ายบุคลากรสุขภาพสหวิชาชีพแนวใหม่ เครือข่ายร้านขายยาสร้างเสริมสุขภาพของคณะเภสัชศาสตร์ทั่วประเทศ เครือข่ายเภสัชกรรมเพื่อการควบคุมยาสูบ ร้านขายยาเอกชน และสหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย ต่างไม่เห็นด้วยกับการที่ไทยยอมตกเป็นเครื่องมือของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ปล่อยให้มีการจัดงานนี้ขึ้น ทั้งที่รู้ว่าเป็นการส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมยาสูบ  ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้คนไทยและคนทั่วโลกเสียชีวิต 

 

ซ้ำยังท้าทายประเทศไทยที่ทั่วโลกให้การยอมรับว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีกฎหมายควบคุมการบริโภคยาสูบที่ดีที่สุด  ด้วยสโลแกนการจัดงานว่า “ถ้าคุณชนะประเทศไทย คุณชนะทั้งโลก”  ทั้งๆ ที่รัฐบาลไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียน เรื่องนโยบายการควบคุมยาสูบในปี 2553

 

ด้วยเหตุนี้ ภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ จึงประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการต่อต้าน ด้วยการล่ารายชื่อคัดค้าน ผ่านร้านขายยาในเครือข่ายทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าจะมีผู้ร่วมลงรายชื่อไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นคน

 

เชื่อมั่นว่าคนไทยส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และคงอยากรู้ว่าภาครัฐมีจุดยืนอย่างไรกับธุรกิจที่ทำลายทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน โดยเครือข่ายจะนำรายชื่อไปยื่นให้แก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเชื่อว่านายกรัฐมนตรีคงไม่รู้เห็นกับการจัดงานครั้งนี้” รศ.ดร.ภญ.จิราพร ปิดท้ายด้วยความมุ่งมั่น

 

เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน นางสาวดวงกมล ภวภูตานนท์ นักเรียน ร.ร.รัตนโกสินทร์สมโภชบางขุนเทียน ได้แสดงถึงความเป็นห่วงของเยาวชนเกี่ยวกับการประชุม โดยกล่าวว่า รู้สึกตกใจมาก ที่จะมีการจัดงานเอ็กซโปของบริษัทบุหรี่ขึ้นที่ประเทศไทย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยได้พยายามรณรงค์ให้คนไทยไม่สูบบุหรี่ การที่อุตสาหกรรมบุหรี่เลือกมาจัดงานใหญ่ระดับนานาชาตินี้ถึงในบ้านเรา จึงเป็นเรื่องที่แน่นอนว่า บริษัทบุหรี่คิดไม่ดีกับเด็กไทยแน่ๆ จึงขอเรียกร้องในฐานะตัวแทนของเด็กไทย ดังนี้

 

ประการแรก ขอให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่าไปร่วมกิจกรรมนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดงาน หรือการเยี่ยมชมบูธต่างๆ ก็ตาม เพราะถึงอย่างไรก็เป็นงานขายสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งไม่น่าจะไปยุ่งเกี่ยว จะทำให้เสียภาพพจน์ของประเทศไทย

 

ประการที่สอง ขอให้พี่ๆ สื่อมวลชน ไม่นำเสนอข่าวงาน TABINFO ASIA 2009 ทางสื่อต่างๆ เพราะการเสนอข่าวดังกล่าวเท่ากับเป็นการโฆษณาทางอ้อมให้แก่บริษัทบุหรี่

 

ประการที่สาม ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีและท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามดูงานเอ็กซโปนี้อย่างใกล้ชิดว่าจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่

 

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเสียงที่ออกมาแสดงพลังคัดค้านการจัดงาน TABINFO EXPO 2009 หรืองานแสดงสินค้ายาสูบแบบครบวงจรของบริษัทบุหรี่ชั้นนำในประเทศไทยเท่านั้น จะเห็นได้ว่าแม้กระทั่งเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ยังออกมาแสดงความคิดความเห็น ต่อภัยที่เข้ามาคุกคามชีวิต ครอบครัว และสังคมของพวกเขาอย่างกล้าหาญ

 

แล้วคุณๆ กำลังทำอะไรอยู่ ? มาร่วมกันออกมาแสดงพลัง ในทางที่ถูกต้องกันเถอะ

 

 

 

 

 

 

เรื่องโดย: อัญณิกา กฤษสมัย Team Content www.thaihealth.or.th

 

 

 

Update: 28-10-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย

 

 

 

      

      

              

      

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code