คนไทยบริโภคโซเดียมเกินมาตรฐาน
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
แฟ้มภาพ
อึ้ง! คนไทยบริโภคโซเดียมเกินมาตรฐาน 2เท่า ส่งผล “ภาวะความดันโลหิตสูง” พุ่ง 13 ล้านคน เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด สาเหตุการตายเกือบ 30% ของการเสียชีวิตในไทย องค์การอนามัยโลกแนะไม่ควรกินเกินกว่า 1 ช้อนชา/วัน
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่โรงแรมริชมอนด์ นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่าสถานการณ์ความรุนแรงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและทวีความรุนแรงมาก ถึงแม้ว่าทั่วโลกรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยมีมาตรการที่หลากหลายในการพยายามดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อลดอุบัติการณ์ของโรคแล้วก็ตาม จากข้อมูลการสำรวจการบริโภคโซเดียมคลอไรด์หรือเกลือของประชากรไทย ในปี 2550 โดยกรมอนามัยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ประชากรไทยได้รับโซเดียมจากอาหารที่บริโภคสูงถึง 4,351.7 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่สามารถบริโภคได้ถึง 2 เท่า
นอกจากนี้ การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2552 ที่ดำเนินการโดยสำนักงานสำรวจสุขภาพประชากรไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขด้วย พบว่า ค่ามัธยฐานของการบริโภคโซเดียมอยู่ที่ 3,264 มิลลิกรัมต่อวันซึ่งเป็นการตอกย้ำจะแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยได้รับโซเดียมในปริมาณที่สูงกว่าความต้องการต่อวัน อีกทั้งองค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้การลดการบริโภคเกลือหรือโซเดียม เป็น 1 ใน 9 เป้าหมายที่สำคัญ เพื่อต่อสู้กับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินงานเพื่อลดการบริโภคเกลือและโซเดียมในประชากรประเทศไทย โดยบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้การบริโภคเกลือและโซเดียมเป็นนโยบายสำคัญ ในการป้องกันและควบคุมปัญหาโรคไม่ติดต่อที่ต้องมียุทธศาสตร์การดำเนินงานที่ชัดเจน สามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“อย.มีแนวทางในการผลักดันมาตรการลดโซเดียมในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ เช่น การปรับสูตรอาหาร สัญลักษณ์ในผลิตภัณฑ์อาหารเกลือสูงได้แก่อาหารกึ่งสำเร็จรูป พวกบะหมี่และโจ๊ก อาหารแช่เย็นแช่แข็ง ผงหรือก้อนปรุงรส และการเก็บภาษีเกลือโซเดียม โดยหวังว่าการประชุมพิจารณามาตรการการควบคุมโซเดียมในอาหารนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการจัดตั้งคณะทำงานทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เครือข่ายผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม ในการขับเคลื่อนเป้าหมายร่วมกัน และจัดทำแผนการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเพื่อเกิดประสิทธิผล ก่อนมีมาตรการทางกฎหมายต่อไป” นพ.พูลลาภ กล่าว
ด้าน นพ. แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมในวาระสำคัญและนำไปสู่กลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยองค์การอนามัยโลกได้รับรู้ถึงการบริโภคเกลือของคนไทยที่มีเพิ่มสูงขึ้นเกือบสองเท่ากว่าระดับที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ คือประมาณ 25% ทำให้คนไทยป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคหัวใจและหลอดเลือดและเป็นสาเหตุของการตายเกือบ 30% ของการเสียชีวิตทั้งหมดในประเทศไทย ด้วยเหตุที่มีการบริโภคเกลือมากเกินความพอดี ทำให้เกิดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิต จึงอยากให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกหน่วยงานได้ดำเนินการทุกวิธีที่จำเป็น เพื่อลดการบริโภคเกลือของคนไทยให้ลดน้อยลงให้ได้
“มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่าการบริโภคเกลือมากเกินไปนั้นเป็นโทษต่อร่างกาย การลดการบริโภคเกลือลงนั้นจะช่วยลดความดันโลหิต และยังลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไต องค์การอนามัยโลกแนะว่าการบริโภคเกลือโชเดียมไม่ควรเกินกว่า 5 กรัม หรือ 1 ช้อนชาต่อวัน ปริมาณเกลือที่คนไทยบริโภคส่วนมากนั้นมาจากอาหารสำเร็จรูป (ผ่านกรรมวิธี) การปรับสูตรอาหารสำเร็จรูปให้ลดปริมาณเกลือลงจะเป็นมาตรการสำคัญ ที่จะช่วยลดการบริโภคเกลือในคนไทย การปรับสูตรอาหารเป็นยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งใช้ได้ผลในหลายๆประเทศทั่วโลกในอันที่จะช่วยรักษาสุขภาพของประชากร”
ด้าน ดร.นพ.ไพโรจน์เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยประสบกับปัญหาสุขภาพ มีการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต และโรคมะเร็ง เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัญหาสุขภาพเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นจากวิถีชีวิตและพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปของคนไทย มีการบริโภคอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูงขึ้นและบริโภคผักผลไม้ลดลง จากรายงานการสำรวจการบริโภคอาหารของประชาชนไทยในปี 2554 พบว่าคนไทยได้รับโซเดียมในปริมาณสูง โดยแหล่งโซเดียมส่วนใหญ่มาจากอาหารที่จำหน่ายจากร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ และเครื่องปรุงรส สอดคล้องกับผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2557 พบว่า ประชากรไทยมีภาวะความดันโลหิตสูงถึง 13 ล้านคน
ทั้งนี้ สสส. ในฐานะองค์กรหลักด้านการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยมีสุขภาวะที่ดี เกิดความฉลาดรู้ด้านสุขภาพ และจิตสำนึกสุขภาพจึงมีแนวทางในการส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมการบริโภคที่พึงประสงค์ โดยมุ่งปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพพื้นฐานด้านการบริโภคให้ถูกต้องและยั่งยืนส่งเสริมปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดีของประชาชน ด้วยการส่งเสริมการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพควบคู่กับการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนให้การลดการบริโภคโซเดียมตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ข้อ 4 ในเรื่องนโยบายการลดการบริโภคเกลือ
สสส. จะร่วมผลักดันให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การผลักดันนโยบาย เป็นกระบวนการสำคัญหนึ่งในการพัฒนานโยบายสาธารณะ กระบวนการนโยบายเพื่อการป้องกันและควบคุมปัญหาโรคไม่ติดต่อ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยทั้งปัจจัยเสี่ยงเชิงพฤติกรรมของประชาชน รวมถึงปัจจัยแวดล้อมที่กระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ นอกจากการมีข้อมูลวิชาการเพื่อแสดงความสำคัญและความจำเป็นที่ต้องควบคุมและจัดการปัญหาแล้ว ยังต้องอาศัยกลยุทธ์และกระบวนการอื่น ๆ เพื่อผลักดันจนเกิดเป็นนโยบายและมีการบังคับใช้ต่อไป