คนรุ่นใหม่รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ตกเป็นเหยื่อธุรกิจควันร้าย
เรื่องโดย: พลอยไพลิน นราพงษ์ Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจากงาน “งานประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 23”
ภาพโดย: พลอยไพลิน นราพงษ์ Team Content www.thaihealth.or.th
…แม้จะมีกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแล้วก็ตาม แต่บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงลุกลามไปไกลกว่าที่คิด ร้านค้าออนไลน์ สื่อโซเชียล ไปจนถึงการโฆษณาแฝงต่าง ๆ ที่พยายามนำเสนอว่าบุหรี่ไฟฟ้า “เท่ ทันสมัย ไม่อันตราย” สวนทางกับงานวิจัยที่ยืนยันว่าส่งผลเสียต่อทุกระบบของร่างกาย ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก…
เพื่อรับมือกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังแพร่ระบาด และส่งสัญญาณว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์เสพติดที่อันตราย แต่ยังถูกออกแบบมาให้เข้าถึงเด็กและเยาวชนได้ง่ายเกินคาด การนำรวมพลังกระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า : คนรุ่นใหม่รู้เท่าทันกลยุทธ์” ในงานประชุมวิชาการ “บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 23 ที่ รร.แกรนด์ริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ล้วนมีสาระแห่งเรื่องราวที่สังคมควรตระหนักมิใช่น้อย
“มีงานวิจัยชี้ชัดว่า “นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า” เป็นนิโคตินสังเคราะห์ที่ดูดซึมได้เร็วและแรงกว่าในบุหรี่มวนถึง 100 เท่า ส่งผลร้ายต่อสมองที่กำลังพัฒนา ทั้งทำลายสมาธิ ความจำ และการควบคุมอารมณ์ อีกทั้งเสี่ยงเกิดปอดอักเสบรุนแรงเฉียบพลัน (EVALI) ที่อาจเสียชีวิต แม้ไม่สูบก็ยังได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่มือสอง–มือสาม”
ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าว กลางวงประชุมที่มี 23 ภาคีเครือข่าย และ 9 เครือข่ายเยาวชน เข้าร่วม
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า แม้จะลดอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้บ้างในช่วง 32 ปีที่ผ่านมา แต่ยังมีผู้สูบบุหรี่กว่า 9.8 ล้านคน และเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ แม้ว่ามาตรา 5.3 ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบ (WHO FCTC) ที่ต้องพยายามป้องกันไม่ให้บริษัทบุหรี่เข้ามามีบทบาทในการกำหนดนโยบายควบคุมยาสูบก็ตาม
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าพยายามสร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นสิ่งที่ “ปลอดภัย” และ “ยอมรับได้” เราจึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้เด็กและเยาวชนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จากการ “ห้ามใช้” ไปสู่การที่เด็กและเยาวชน “ไม่อยากใช้” ด้วยตัวเอง
ข้อมูลจากระบบ OBEC CARE ปี 2567 ชี้ว่านักเรียน ม.ต้น ในไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าบุหรี่มวนมีนักเรียน ม.ต้น ที่เคยลองบุหรี่ไฟฟ้า 24.7% คบเพื่อนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 22.01% อยู่ในชุมชนที่มีคนสูบบุหรี่ให้เห็นเป็นประจำ 20.2%
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้เกิดจากตัวเด็กเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมทางสังคมรอบตัวด้วยเช่นกัน
การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้ากำลังเกิดขึ้นในเด็กและเยาวชนอย่างรวดเร็ว เด็กสูบบ่อยและเร็วขึ้น ส่งผลต่อพัฒนาการสมอง ทำให้เกิดความเสี่ยงพิการหรือติดเตียงก่อนวัย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ตอนนี้กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ขณะที่เด็กเกิดน้อยลง และมีแนวโน้มสุขภาพถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง
“สื่อมวลชนจึงเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่ความจริงที่หลายคนอาจไม่รู้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำให้อายุสั้นลงถึง 10 ปี และพิการก่อนวัยถึง 8 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณการสูบ รวมแล้วคนไทยเสียเวลาไปกับโรคร้ายจากการสูบบุหรี่ถึง 18 ปี เช่น มะเร็ง โรคปอดเรื้อรัง และความพิการต่าง ๆ” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการสำนักงานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ตัวเลขคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าในไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อปี พ.ศ 2564 พบคนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า 78,742 คน แต่ในปี พ.ศ 2567 เพิ่มเป็น 900,459 คน เพิ่มมากถึง 11.44 เท่า ซึ่งมีเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ต้นตอปัญหานี้ คือ การโฆษณาโดยให้ข้อมูลผิดๆ ผ่านกลยุทธ์การตลาดที่เจาะกลุ่มเยาวชนด้วยรูปลักษณ์ สีสัน กลิ่น รส ที่ดึงดูดใจ เช่น “Toy Pod” หรือ “กล่องนม” รวมถึงหาซื้อได้ง่ายผ่านโลกออนไลน์
“เยาวชนไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า”
เด็กหญิงบุญภัทร บุตรบุญ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสุเหร่าทรายกองดิน และ นายภษิณ ทัดพลภัทรรัต โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 ตัวแทนจาก “เครือข่ายเยาวชนไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” จาก 12 องค์กรทั่วประเทศ ขอสิทธิเติบโตอย่างปลอดภัย ใน 5 ข้อเสนอ เพื่อปกป้องเยาวชนจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า
๑.เสริมพลังการสื่อสารของเยาวชน ๒.มีส่วนร่วมในเชิงนโยบายและกฎหมาย ๓.เฝ้าระวังและจัดการธุรกิจยาสูบและสื่อออนไลน์ ๔.สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เยาวชน และ ๕.เยาวชนเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
โดยใช้พลังอินฟลูเอนเซอร์และสร้างเครือข่ายเยาวชนสื่อสารสังคมปลอดบุหรี่ไฟฟ้า เปิดพื้นที่ให้เข้าร่วมเสนอและผลักดันกฎหมายคุ้มครองเด็กจากยาสูบ ตั้งกลุ่มติดตามสื่อออนไลน์และธุรกิจแฝงการตลาดบุหรี่ไฟฟ้า สร้างแกนนำในโรงเรียน-ชุมชน ร่วมออกแบบนโยบายเพื่อสุขภาพและความยั่งยืน ไม่ใช่แค่ผู้รับผลลัพธ์
สสส.และภาคีฯ พร้อมสนับสนุนสิทธิของเยาวชนในการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปลอดควันบุหรี่ไฟฟ้า รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า รู้จักปฏิเสธอย่างมั่นใจ และกล้าประกาศให้สังคมรู้ว่า “เราไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า”