คณะสังคมสงเคราะห์ มธ. พัฒนาแบบประเมินคัดกรองโควิด-19

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์


คณะสังคมสงเคราะห์ มธ. พัฒนาแบบประเมินคัดกรองโควิด-19 thaihealth


แฟ้มภาพ


สสส. ร่วมกับคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเครือข่ายทำโครงการพัฒนาสมรรถนะนักสังคมสงเคราะห์ฯ ทำการพัฒนาแบบคัดกรองโควิด-19 เพื่อใช้ช่วยเหลือชุมชนและกลุ่มแรงงานข้ามชาติ


สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ได้และ 11 องค์กร ภาคีเครือข่ายสังคมสงเคราะห์ ทำโครงการพัฒนาสมรรถนะนักสังคมสงเคราะห์ และรูปแบบการดูแลทางสังคม เพื่อเสริมพลังชุมชน เฝ้าระวัง ดูแลและจัดการทางสังคมต่อผู้ป่วยและผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรูปแบบทั้งการคิดประยุกต์เครื่องมือคัดกรอง ประเมินก่อนวางแผนช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัว


นางระพีพรรณ คำหอม คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มธ. ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า ทำโครงการฯ มาตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก เข้าไปเสริมพลังให้ชุมชนเตรียมพร้อมรับมือการระบาดระลอกใหม่ และอบรมนักสังคมสงเคราะห์ให้ใช้แบบประเมินปัญหาทางสังคมด้วยตนเอง เพื่อคัดกรองก่อนการวางแผนช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัว


ทำให้ลดขั้นตอน สามารถเข้าหาผู้ป่วยเชิงรุก ซึ่งพบปัญหาผู้ป่วยถูกบูลลี่จนทำให้ซึมเศร้าและเสี่ยงฆ่าตัวตาย ในอนาคตนักสังคมสงเคราะห์อาจจะใช้เครื่องมือดังกล่าวในภาวะวิกฤติ หรือภาวะเร่งด่วน อยู่ระหว่างการประสานงานกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อนำเครื่องมือนี้ไปใช้ผ่านระบบดิจิทัลต่อไป


นางเยาวเรศ คำมะนาด นายกสมาคมนักสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ไทย ในฐานะผู้คิดเครื่องมือคัดกรองและประเมินก่อนวางแผนช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 และครอบครัว กล่าวว่า เครื่องมือเดิมที่มีอยู่ยังไม่ตอบโจทย์คนทำงานยุคโควิด-19 จึงประยุกต์เครื่องมือตามกรอบแนวคิดบัญชีสากล เพื่อการจำแนกการทำงานสุขภาพและความพิการ (ICF) ขององค์การอนามัยโลก (WHO)


โดยเป็นการดึงคำถาม 14 ข้อ ครอบคลุมมิติด้านครอบครัว สุขภาพ สังคมและเศรษฐกิจ ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ ปรับปรุงและทดลองใช้กับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และต่อมานักสังคมสงเคราะห์จิตอาสากว่า 300 คน นำไปประเมินผู้ป่วยโควิด-19 กว่า 1,400 ราย


จากนั้นต่อยอดให้ผู้รับบริการไปประเมินปัญหาทางสังคมด้วยตัวเองผ่านกูเกิลฟอร์ม โดยกรอกข้อมูลทางโทรศัพท์มือถือ ใช้เวลาประเมินเพียง 5 นาที ก่อนขยายนำไปใช้ 40 โรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการประเมิน คาดว่าเดือน ส.ค.2564 จะได้ข้อสรุป และนำเครื่องมือไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคติดต่อร้ายแรงและโรคอุบัติใหม่ที่จะเกิดขึ้น พร้อมปรับปรุงให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน


ทางด้านนางสาวอมรรัตน์ สุนทรวิภาต นักสังคมสงเคราะห์โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า นำเครื่องมือประเมินนี้ไปใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ ทำให้การทำงานมีความน่าเชื่อถือ มีข้อมูลอ้างอิง และยังช่วยออกแบบโปรแกรมวิธีการรักษาได้ง่าย มีประสิทธิภาพ สามารถทำแผนในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยได้รวดเร็ว


นายสมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) กล่าวว่า โควิด-19 ซึ่งระบาดในประเทศไทยนอกจากส่งผลกระทบกับคนไทย ยังส่งผลกระทบกับแรงงานข้ามชาติ มูลนิธิฯ ที่เป็นอีกหนึ่งเครือข่ายพันธมิตรโครงการพัฒนาสมรรถนะนักสังคมสงเคราะห์ เข้าไปมีส่วนช่วยเป็นตัวกลางให้คำปรึกษา ประสานโรงพยาบาล เพื่อนำแรงงานข้ามชาติเข้ารักษา


โดยเปิดช่องทางโทรศัพท์มือถือและเฟซบุ๊กให้แรงงานข้ามชาติ ติดต่อผ่านล่ามชุมชนภาษาเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา ลาว และกัมพูชา เพื่อให้คำแนะนำ ประสานผ่านหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ซึ่งตั้งแต่โควิด-19 ระบาดระลอกแรกจนถึงระลอก 3 ช่วยเหลือแรงงานชาวเมียนมา กัมพูชา และลาว รวมถึงคนไทยไปมากกว่า 30,000 ครอบครัว คิดเป็นมูลค่าจากเงินและเครื่องอุปโภคบริโภคบริจาคบรรเทาทุกข์ชั่วคราวเป็นจำนวนกว่า 14 ล้านบาท

Shares:
QR Code :
QR Code