ขั้นบันไดปรับใจสู่สุขด้วยปัญญา

เจริญสติภาวนาทำให้เรู้จักไตร่ตรองที่แท้จริง

 

          เมื่อเป้าหมาย คือ 1.การคิดถึงคนอื่นมากกว่าตนเอง 2.ไม่ยึดติดกับความสุขทางวัตถุเพียงอย่างเดียว 3.การเชื่อมั่นในความเพียรใม่หวังลาภลอยคอยโชค 4.การรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลเป็นประโยชน์เกื้อกูลเลือกสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าถูกใจ

 

ขั้นบันไดปรับใจสู่สุขด้วยปัญญา

          บรรดาสมาชิกของสุขแท้ด้วยปัญญา ปี 2 ทั้ง 56 โครงการ จึงต้องพยายามหาแนวทางการดำเนินงานของกลุ่มตัวเองให้ตอบโจทย์ดังกล่าวที่ทางเครือข่ายพุทธิกามอบไว้ให้

 

          และนำไปสู่การจัดกิจกรรมถอดบทเรียนเพื่อหากุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้เข้าร่วมเกิดความเปลี่ยนแปลงไปสู่สุขแท้ด้วยปัญญา เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่ จ.นครนายก โดยได้รับการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

          ผลจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน ได้คำตอบชัดเจนว่า กุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ การที่ได้ทำกิจกรรมในลักษณะบำเพ็ญประโยชน์การจัดกิจกรรมที่ให้คนได้ไปทำอะไรด้วยตัวเอง พร้อมกับการชวนให้คิดใคร่ครวญเพื่อมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่าง ๆ ในกลุ่ม ทำให้ได้เห็นแง่มุมต่าง ๆ จากคนอื่นมากขึ้น

 

          เริ่มจากโครงการรวมใจมิตรภาพ มีเป้าหมายลบ อคติของเยาวชนที่มีต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่สอดแทรกวิธีการอยู่ร่วมกัน กิจกรรมนี้จัดขึ้นที่หมู่บ้านปรีง ต.บะ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อในหมู่บ้านถึง 15 คน กุญแจสำคัญที่ทำให้เยาวชนเปลี่ยนทัศนคติคือการออกแบบกระบวนการ เช่น การใช้กิจกรรมต่าง ๆ ผสมผสานกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

 

          สิรินาถ จำปาทอง (แพท) ผู้เข้าร่วมโครงการเล่าว่า หลังจากที่เข้าร่วมกิจกรรมทำให้เพื่อนที่ติดเชื้อเอชไอวีกล้าออกสู่สังคมมากขึ้น ส่วนตัวเธอเองก็เปลี่ยนทัศนคติไปด้วย จากเดิมมีความรู้สึกรังเกียจ ไม่กล้าเข้าใกล้ กลายเป็นความรู้สึกสงสารและมีความสุขใจในท้ายที่สุด

 

          “การร่วมกิจกรรมมีการเข้าไปดูแลเรื่องการให้ทานยา เช็ดตัวผู้ป่วย และก็ได้เห็นการแสดงละครเวทีของผู้ติดเชื้อ ที่ร่วมกันกับเพื่อน ๆ ที่ไม่ติดเชื้อ หลังจากนั้นก็เริ่มมีกิจกรรมร่วมกัน ทำให้รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ทำไปเช่นการดูแลร่างกาย มันไม่สุขใจเท่าเวลาเห็นรอยยิ้มของเขา เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขายิ้มได้”

 

          สำหรับ พรรษา อินทจิตร (อาร์ม) ถ่ายทอดเรื่องของตัวเองหลังจากเข้าร่วมโครงการมิตรภาพแห่งขุนเขา ที่ จ.อุทัยธานี ว่า

 

          “เมื่อก่อนสังคมเพื่อนผมจะเป็นกลุ่มที่ติดยาบ้า ซิ่งมอเตอร์ไซค์ หรือแว้นไปวัน ๆ แต่เมื่อได้ร่วมโครงการก็เริ่มคิดได้และพยายามออกห่างจากเพื่อนกลุ่มเดิม ถึงแม้จะต้องแลกด้วยการบาดเจ็บจากการรุมทำร้ายก็ตาม”

 

          อาร์ม บอกว่า ด้วยความเชื่อมโยงของกิจกรรมตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดทำให้นำไปสู่กระบวนการคิดและเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองในที่สุด เช่น กิจกรรมโบกรถไปสู่จุดนัดพบ ซึ่งมีเจ้าของรถที่ไม่สามารถไปส่งยังจุดหมายได้ แต่ให้เงินมา 500 บาท พร้อมกับบอกว่า ให้หารถเหมาไป

 

          จุดเปลี่ยนตรงนี้ทำให้คิดได้ว่าบางทีคนเราก็มีน้ำใจทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจึงทำให้รู้สึกว่า อยากเป็นผู้ให้เหมือนกับคนอื่นบ้าง

 

          อีกอย่างหนึ่ง คือ กิจกรรมการทำตาข่ายกัดฝัน ที่ใช้ไหมญี่ปุ่นมาถักทอบนไม้จิ้มฟัน สิ่งที่ได้คือ ทำให้ใจเย็น ซึ่งถือเป็นการฝึกสมาธิไปในตัว การได้อยู่กับตัวเองทำให้อาร์มคิดถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาและเปลี่ยนแปลงตัวเองในที่สุด”

 

          ขณะที่ วรการณ์ ทาแก้ว (มอส) อายุ 15 ปี ย้อนอดีตก่อนว่า เคยติดการพนัน พ่อแม่ห้ามอย่างไรก็ไม่สนใจ จนได้เข้าร่วมโครงการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งชุมชน ของพระสนั่น โฆษนาโน ที่นำหลักศีลธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ ตลอดจนการเจริญสติ ร่วมกับการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เด็กที่เกเร ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ติดการพนันมั่วสุมในทางที่ไม่ดี เป็นเด็กที่รู้จักคิด

 

          เช่น ใช้การเจริญสติภาวนาให้เด็กรู้จักไตร่ตรองด้วยปัญญาที่แท้จริง พาเด็ก ๆ ลงพื้นที่คลุกคลีกับประสบการณ์จริงในชุมชน ได้เห็นความยากลำบากของเกษตรกร ชาวบ้าน และการรวมกลุ่มพลังพัฒนาต่าง ๆ ของชุมชน เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มดนตรีพื้นบ้าน

 

          แต่สิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้มอสเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นกลับเป็นเพียงการรวมตัวกันของกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อทำข้าวแคว้บหรือข้าวตุง ขนมพื้นบ้าน เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจให้พลิกชีวิตสู่ด้านดีเพราะได้สัมผัสกับคนชราในมิติที่พวกเขาไม่เคยสังเกตเห็น

 

          “ตอนนั้นได้ลงพื้นที่ชุมชนได้เห็นผู้สูงอายุทำขนม ที่เป็นการใช้เวลว่างให้เกิดประโยชน์แล้วได้เงินด้วย ซึ่งวิธีที่จะได้เงินมามันอยู่คนละด้านกับเราเลย ประกอบกับการได้เจอเพื่อนกลุ่มใหม่ มันเลยทำให้เรามีอย่างอื่นที่อยากทำมากกว่าไปเล่นการพนัน”

 

          จากคำบอกเล่าทั้งหมดนี้จะเห็นว่ากระบวนการกลุ่มและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผ่านการคัดเลือกมาของแต่ละโครงการ อาจตเป็นกุญแจคนละดอก ที่นำไปสู่การเปลี่ยนมุมมอง ทัศนคติ หรือแม้แต่พฤติกรรม

 

          ประตูชีวิตของใครบางคนที่อาจดูเหมือนถูกปิดตายในขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายเมื่อได้พบกับกุญแจที่ตรงใจ ก็สามารถเปิดออกได้ไม่ยากนัก

 

          สิ่งที่ทุกคนหวังต่อไปคือ การสานต่อโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำกุญแจนี้สู่ชีวิตอื่นเรื่อยไปไม่สิ้นสุด

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

 

update: 15-02-53

อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร

Shares:
QR Code :
QR Code