ก.ท่องเที่ยวฯ ชูสนามกีฬาต้องปลอดเหล้าและบุหรี่
ก.ท่องเที่ยวฯ ชูรณรงค์ “สนามกีฬาปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่” หวังลดการทะเลาะวิวาท หากพบผู้ฝ่าฝืนมีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมชวนคนไทยหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี และร่วมเชียร์กีฬาที่ชื่นชอบ สร้างวัฒนธรรมการเชียร์ที่สร้างสรรค์ งดดื่ม งดสูบ
วันที่ 28 เมษายน 54 เวลา 09.30 น. ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางธนิฏฐา เศวตศิลา มณีโชติ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัวรณรงค์ “สนามกีฬาปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่” พร้อมทั้งมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดโลโก้และคำขวัญ “สนามกีฬา ปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่” จัดโดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา และเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่
นางธนิฏฐา กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทยอยู่ในปริมาณที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นตัวสร้างปัจจัยเสี่ยงแก่ประชาชนและสังคมไทย โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน กลุ่มคนทำงาน และนับตั้งแต่ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 บังคับใช้ การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เริ่มมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการกำจัดพื้นที่ในการจำหน่ายและการดื่ม
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การตื่นตัวของประชาชน เพื่อเข้าชมกีฬาโดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลทุกรายการ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก และจากบทเรียนที่ผ่านมาจะเห็นว่าผู้เข้าชมและเชียร์ มีการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สร้างความวุ่นวาย รำคาญ ต่อผู้ชม และหนีไม่พ้นการทะเลาะวิวาท
“ทางกระทรวงยินดีสนับสนุนมาตรการทางกฎหมาย คือห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้าสนามฟุตบอล และห้ามดื่มขณะชมฟุตบอล โดยได้ติดป้ายเตือนความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 27 และ 31 ที่กำหนดห้ามขายห้ามดื่มในสถานที่ราชการและสนามกีฬาของราชการ ฝ่าฝืนมีความผิดจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็เห็นด้วยกับมาตรการนี้มาโดยตลอด” นางธนิฏฐา กล่าว
นางธนิฏฐา กล่าวต่อว่า อยากจะเชิญชวนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนดำเนินกิจกรรมร่วมกันให้สนามกีฬา ทั่วประเทศปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ และเชิญชวนให้คนไทยหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี และร่วมเชียร์กีฬาที่ชื่นชอบ สร้างวัฒนธรรมที่ดีในการเชียร์
ด้าน นายคำรณ ชูเดชา ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า เพื่อไม่ให้ปัญหาการทะเลาะวิวาทรุนแรง ทำลายกีฬาฟุตบอลตามที่เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง จึงควรสร้างบรรยากาศการเชียร์ฟุตบอลให้เป็นเหมือนครอบครัว เป็นกีฬาเพื่อความสามัคคี เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเครือข่ายฯ ได้มีการรณรงค์ห้ามจำหน่ายเหล้า เบียร์ รอบสนาม และในสนาม รวมทั้ง ห้ามดื่มในสนามมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพบการฝ่าฝืนอยู่บ้าง ซึ่งหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการหนุนเสริม เช่น ห้ามขาย ห้ามดื่ม รวมไปถึงสนามของเอกชนด้วย ก็เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
“มาตรการนี้ไม่ได้เป็นมาตรการที่สุดโต่ง แต่ถือปฏิบัติในหลายประเทศที่เป็นมหาอำนาจลูกหนังโลก เช่น อิตาลี รัสเซีย และบราซิล ซึ่งการห้ามขายไม่ได้จำกัดเฉพาะบริเวณรอบสนามแข่งเท่านั้น แต่จะครอบคลุมไปถึงพื้นที่สาธารณะอื่นๆ และครอบคลุมเวลาก่อนการแข่งขันและหลังการแข่งขัน ซึ่งจะช่วยยังยั้งพฤติกรรมการทะเลาะวิวาทของกองเชียร์ได้ นอกจากนี้ควรห้ามผู้ที่มีอาการมึนเมา ครองสติไม่ได้เข้าสนามฟุตบอล และควรเพิ่มระบบตรวจอาวุธ เพิ่มเจ้าหน้าที่ รวมถึงติดกล้องวงจรปิด เพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมของแฟนบอล” นายคำรณ กล่าว
ส่วน นางสาวสุมาลี เกตรัตนัง ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า เครือข่ายเยาวชนฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจข้อมูล ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลจำนวน 19 สนาม แบ่งเป็น สนามไทยพรีเมียร์ลีก 14 สนาม และสนามดิวิชั้น 1 จำนวน 5 สนาม รวมทั้งหมดที่สำรวจ 39 ครั้ง ระหว่างเดือน ก.พ.-เม.ย.2554 พบว่า ผู้จัดงานส่วนใหญ่ยังรับสปอนเซอร์จากบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นๆ โดยการโฆษณาแฝง จัดโปรโมชั่น กิจกรรม หลอกล่อเยาวชน ตั้งซุ้มขายเบียร์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
โลโก้ รางวัลชนะเลิศ
นายภูวเดช พรมเกษา
“ทั้งนี้บริเวณด้านหน้าสนามแข่ง ยังพบว่า มีร้านค้าแผงลอย การหาบเร่ขายเหล้า เบียร์ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาตขาย รวมถึงบางสนามยังพบว่ามีการตั้งโต๊ะดื่มเหล้า เบียร์ และสูบบุหรี่ อย่างเป็นทางการระหว่างรอการแข่งขัน และประชาชนบางส่วนยังนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในลักษณะของขวดน้ำ หรือขวดเครื่องดื่มอื่นๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่เข้มงวดในการควบคุมหรือห้ามปรามตรงจุดนี้” ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าว
รองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
นายสมชาย นิลแก้ว นายกิตติบดี บัวหลวงงาม
สำหรับกิจกรรมการประกวด โลโก้ และคำขวัญ “สนามกีฬาปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่” โดยป้ายและโลโก้ที่ได้รับเลือกนี้จะนำไปติดที่บริเวณสนามฟุตบอลของทางราชการทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ รายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทคำขวัญ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ น.ส.นิธิภรณ์ สุดสูง จ.นครพนม คำขวัญ “ปลอดเหล้าปลอดบุหรี่ ยกศักดิ์ศรีสนามกีฬา” รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นายกำพล วงค์อนันต์ จ.นครปฐม คำขวัญ “ไร้บุหรี่ ปลอดสุรา สนามกีฬายุคใหม่” รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นายวรายุทธ โพธิ์ลา กทม. คำขวัญ “สนามกีฬาคนเก่ง คนกล้า บุหรี่สุรา say no” สำหรับประเภทโลโก้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายภูวเดช พรมเกษา จ.ปทุมธานี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นายสมชาย นิลแก้ว จ.ปทุมธานี และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นายกิตติบดี บัวหลวงงาม กทม
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า