กระแสวาเลนไทน์ฟีเวอร์เม็ดเงินสะพัด 2.6 พันล.

หอการค้าไทยระบุวาเลนไทน์ ปี’54 คึกคักเงินสะพัด 2.6 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 8.38% สูงสุดในรอบ 3 ปี เหตุคาดหวังเศรษฐกิจดีที่เที่ยวเพียบ ไม่มีผู้ปกครองคุม ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับการซื้อดอกไม้ ของขวัญและอาหาร



นายธนวรรธน์  พลวิชัย  ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนช่วงวันวาเลนไทน์ ที่จะถึงนี้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 51% ให้ความสำคัญต่อวันวาเลนไทน์ปานกลาง โดยกลุ่มคนที่จะให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากที่สุดคือ กลุ่มวัยรุ่น และมองว่า วันวาเลนไทน์ปีนี้จะคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากคาดหวังว่าเศรษฐกิจดีขึ้น อีกทั้งมีสถานที่ท่องเที่ยวมากขึ้นบวกกับผู้ปกครองไม่อยู่และราคาสินค้าจะถูกลง


จากผลการสำรวจคาดว่า การใช้จ่ายช่วงวาเลนไทน์นี้ จะมียอดรวม 2,655.43 ล้านบาท โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.38% คิดเฉลี่ยใช้จ่ายรายละ 1,288 บาท โดยเป็นการซื้อสูงขึ้นทั้ง ดอกไม้ ของขวัญและอาหาร แต่ปริมาณการและมูลค่าการซื้อกลับพบว่า ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปีที่ผ่านมามาก นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่นิยมนำเงินออมมาใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์ รองลงมาคือเงินเดือนและการขอเงินจากผู้ปกครอง


“การใช้จ่ายในช่วงวาเลนไทน์ปีนี้ถือว่าสูงสุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากประชาชนคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ยังมีความระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่ เพราะปัญหาเหตุการณ์ ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา บั่นทอนความรู้สึกการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนลงไป แต่ยังไม่มากนัก”


นายธนวรรธน์กล่าวต่อว่า เมื่อสอบถามความคิดเห็นในด้านอื่นๆ ประชาชนระบุว่าในวันวาเลนไทน์ราคาดอกไม้ ของขวัญจะแพงขึ้นเกินความจริงและเป็นวันที่จะก่อให้เกิดเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้ โดยกลุ่มวัยรุ่นยังมองว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยนั้น ถือว่าเป็นการเพิ่มประสบการณ์ และส่วนใหญ่มองว่า การเคอร์ฟิวเด็กช่วงหลัง 4 ทุ่ม จะช่วยแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนได้ ขณะที่วัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 15 ปีมองว่าช่วยแก้ไม่ได้


อย่างไรก็ตามแนวทางในการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน คือ ให้ครอบครัวดูแลความอบอุ่นแก่เด็กและเยาวชนให้ตำรวจออกกฎหมายปราบปรามเข้มงวด รวมถึงการส่งเสริมวัฒนธรรมและการศึกษาในปัญหาให้มากขึ้น


 


 


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Shares:
QR Code :
QR Code