กรมฝนหลวงฯเร่งช่วยเหลือพื้นที่เกษตรขาดแคลนน้ำ
ที่มา : คมชัดลึก
แฟ้มภาพ
"กรมฝนหลวงฯ"ปรับแผนปฏิบัติการเร่งด่วนช่วยเหลือพื้นที่เกษตรทั่วทุกภาคประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากการติดตามพื้นที่ความต้องการขอรับบริการฝน พบว่าในหลายจังหวัดยังคงมีฝนตกไม่ทั่วถึง ทำให้พื้นที่การเกษตรยังคงประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยพื้นที่ซึ่งมีการร้องขอฝน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ สุโขทัย ลำพูน ตาก ลำปาง แพร่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี ลพบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีษะเกษ และจังหวัดสระแก้ว
โดยมีชนิดของพืชที่ต้องการน้ำทางภาคเหนือ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ถั่วลิลง มันสำปะหลัง ส้มเขียวหวาน ภาคกลาง ได้แก่ อ้อย ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ข้าวโพด อ้อย ภาคตะวันออก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง สำหรับการปฏิบัติภารกิจของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในช่วงนี้ยังคงเร่งปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีพื้นที่การเกษตรที่มีการร้องขอเป็นจำนวนมาก จึงต้องพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
จากเดิมกรมฝนหลวงฯ มีแผนการปฏิบัติการฝนหลวง ในช่วงระหว่างวันที่ 20 กันยายน – 31 ตุลาคม 2561 เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ขาดแคลนน้ำ และเพิ่มปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ และเขื่อนต่าง ๆ จำนวน 15 แห่ง ได้แก่ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ่างเก็บน้ำแม่มอก อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำลาด อ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ อ่างเก็บน้ำทับเสลา เขื่อนกระเสียว เขื่อนห้วยหลวง เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำนางรอง เขื่อนลำแซะ เขื่อนลำมูลบน เขื่อนลำปลายมาศ เขื่อนลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำห้วยยาง และอ่างเก็บน้ำห้วยตะเคียน
โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มปริมาณน้ำทั้งสิ้นจำนวน 150 ลบ.ม. ทั้งนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้รับการประสานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ โดยจากพื้นที่เป้าหมายเดิม จำนวน 15 แห่ง เป็นจำนวน 104 แห่งทั่วประเทศ
ดังนั้น จึงได้สั่งการให้นักวิทยาศาสตร์ นักบินฝนหลวง และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงโดยได้นำเครื่องบินชนิด CASA จำนวน 4 ลำ มาประจำการเพิ่ม ณ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครราชสีมา