กมธ.สธ.ร่วมกับ สสส.จับพลขับ ส.ส.-ส.ว.
เข้าคอร์สปฐมพยาบาลช่วยชีวิตนาย
กมธ.สธ.ร่วม สสส.จับพลขับ ส.ส.-ส.ว.ฝึกปฐมพยาบาลเบื้องต้นช่วยชีวิตนายยามวิกฤต พร้อมเปิดสายด่วน 1669 รับแจ้งเหตุ 24 ชม.
ที่รัฐสภา วันที่ 13 ต.ค. คณะกรรมาธิการการสาธารสุข สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้โครงการสร้างเสริมสุขภาพในองค์กรนิติบัญญัติ และศูนย์การแพทย์นเรนทร จัดโครงการสัมมนา “อบรมหลักสูตรการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการกู้ชีพ” เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการกู้ชีพให้กับคนขับรถของ ส.ส.-ส.ว. ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐสภา นอกจากได้มีการบรรยายแล้วยังได้มีการสาธิตการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับผู้เข้ารับการอบรมได้รู้วิธีการอย่างถูกต้อง เช่น การปั๊ปหัวใจ การจับชีพจรของผู้ป่วย การห้ามเลือด การทำแผล และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยให้ถูกวิธีเพื่อที่จะสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องก่อนที่จะส่งถึงโรงพยาบาล
ดร.ศิริลักษณ์ จิตระเบียบ นักวิชาการสาธารณสุข 7 ว. สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวเปิดการสัมมนาว่า ปัจจุบันมี การเจ็บป่วยฉุกเฉินขึ้นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุ อุบัติภัย รวมถึงอาการกำเริบเฉียบพลันของโรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้ง่าย ดังนั้นทาง กมธ.สาธารณสุขได้เห็นถึงความสำคัญของการให้ความรู้และการฝึกอบรมแก่บุคคลที่มีโอกาสจะได้รับบาดเจ็บ ให้รู้ถึงวิธีการการกู้ชีพและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความตาย ความพิการให้กับผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้หากผู้ใดพบเห็นเหตุการณ์รุนแรงหรืออุบัติก็สามารถแจ้งมา ยังสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ที่สายด่วน 1669 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะมีเจ้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้อย่างถูกวิธี
ขณะที่ นางพรรณช์ณกร พัธณ์สิริฐากร พยาบาลชำนาญการ ประจำศูนย์การแพทย์นเรนทร ได้บรรยายเรื่องหลักการปฐม พยาบาลเบื้องต้นและการกู้ชีพว่า แนวทางการปฐมพยาบาล เบื้องต้นต้องมีการประเมินสถานการณ์ในที่เกิดเหตุว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ หากไม่มีความปลอดภัยก็ไม่ควรเสี่ยงอันตรายเข้าไปช่วยเหลือ เพราะจะทำให้การช่วยเหลือผิดวิธีและอาจทำให้ผู้บาดเจ็บเป็นอันตรายถึงชีวิต ได้ ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอันดับแรกควรประเมินความรุนแรงว่าอยู่ใน ระดับใด ซึ่งสิ่งสำคัญผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือควรมีสติและรีบให้การปฐมพยาบาล
ที่มา:คมชัดลึก
update:14-10-53
อัพเดทเนื้อหาโดย:คีตฌาณ์ ลอยเลิศ