กทม.ยืนยันเตาเผาขยะหนองแขมไร้มลพิษ
ที่มา : เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
เตาเผาหนองแขมใช้มา2 ปี ไม่สร้างมลพิษ กทม.เดินหน้าสร้างเพิ่มอีก 2แห่ง ให้เอกชนลงทุนเบ็ดเสร็จ จ้างเผาไม่เกิน 1,000 บาทต่อวัน
นายวุฒิเลิศ มณีโรจน์ ผู้อำนวยการกองกำจัดมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม หนองแขม โดยมีนายหนิง เหอ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น(ประเทศไทย) ผู้ดำเนินโครงการโรงกำจัดขยะไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม หนองแขม และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลการดำเนินการ
นายวุฒิเลิศ เปิดเผยว่า โรงกำจัดขยะไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมดังกล่าว กทม.ได้ลงนามสัญญาจ้างให้ บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดำเนินโครงการโดยก่อสร้างเป็นเตาเผาขนาด 500 ตันต่อวัน บนพื้นที่ภายในศูนย์จัดเก็บมูลฝอยหนองแขมซึ่งเป็นที่ดินของกทม. โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างโรงงานและบริหารจัดการ ระยะเวลาต่อเนื่อง 20 ปี ซึ่งกทม.จะว่าจ้างการเผากำจัดขยะในราคาตันละ 970บาท โดยรูปแบบการกำจัดขยะด้วนการเผาเพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้านั้น เป็นแนวทางการกำจัดขยะที่ กทม.วางแผนดำเนินในอนาคตทดแทนการกำจัดขยะโดยการฝังกลบ ซึ่งกทม.มีแผนจะสร้างเตาเผาขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าเพิ่มอีก 2 เตา โดยจะสร้างที่ศูนย์กำจัดขยะอ่อนนุช 1 เตา และศูนย์กำจัดขยะหนองแขมเพิ่มอีก 1 เตา ในขนาดเตาละ 1,000ตัน โดยแนวทางการก่อสร้างนั้น จะให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการลงทุนโครงสร้างและบริหารจัดการทั้งหมดตามระยะเวลาในสัญญา โดยเมื่อครบสัญญาจึงค่อยโอนย้ายมาเป็นของ กทม. ซึ่งการดำเนินโครงการอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภากทม.
ด้านนายเหอ หนิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า โรงกำจัดขยะไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม บริษัทได้รับสัมปทานจากกทม.ในการก่อสร้างเตาเผาขยะ ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 55 และได้เริ่มเดินระบบการเผาขยะเพื่อผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นทางการไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.59 โดยโรงงานกำจัดขยะดังกล่าว ถือเป็นโรงงานกำจัดขยะมูลฝอยทั่วไปด้วยระบบเตาเผาเป็นแรก ของกทม. ซึ่งการเผาขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้านั้น จะใช้เทคโนโลยีการเผาประเภทเตาเผาแบบตะกรับ ในอุณหภูมิการเผาไหม้ 1000 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่จะไม่ก่อให้เกิดมลพิษ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อเผาไหม้ขยะก็จะสามารถผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าได้วันละ 7-9.8เมกะวัตต์ หรือประมาณ 200,000 ยูนิตต่อวัน โดยพลลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้เป็นพลังงานภายในโรงกำจัดขยะ และส่วนที่เหลือจะขายแก่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ต่อไป
ทั้งนี้ ในการดำเนินการเผาขยะนั้น ที่ผ่านมาอาจมีบ้านเรือนประชาชน ภาคส่วนต่างๆ กังวลถึงการสร้างมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม แต่บริษัทได้มีมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมในทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลการศึกษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆทั้งคุณภาพอากาศในปล่องระบายมวลสาร คุณภาพอากาศในบรรยากาศ ระดับเสียง คุณภาพน้ำผิวดิน คุณภาพน้ำใต้ดินล้วนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งยืนยันได้ว่า การดำเนินการโรงขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าดังกล่าว ได้มาตรฐาน มีการรับรองระบบมาตรฐานจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งไม่ส่งผลต่อประชาชนในพื้นที่อย่างแน่นอน ซึ่งพื้นที่โดยรอบโรงกำจัดขยะ ระยะ 3 กิโลเมตร จากการสำรวจพบชุมชนอยู่อาศัยกว่า 40 ชุมชน โดยบริษัทได้เข้าดูแลรับฟังปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง และมีการตรวจวัดค่ามลพิษ ก๊าซต่างๆ เพื่อการรายงานผลการตรวจวัดไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรมในรูปแบบเรียลไทม์เพื่อตรวจสอบควบคุมให้เป็นไปตามความเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ ดำเนินการมากว่า 2 ปี ยังไม่เกิดปัญหากระทบด้านสิ่งแวดล้อมใดๆ ขึ้น
ด้านนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า แนวทางการก่อสร้างเตาเผาขยะขนาด 1,000 ตัน ในพื้นที่หนองแขม และอ่อนนุชนั้น ที่กทม.ศึกษาประมาณการงบประมาณก่อสร้างที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 3 ปี โดยกทม.จะให้เอกชนลงทุนโครสร้างบริหารจัดการ และกทม.เป็นผู้จ้างการเผากำจัดขยะไม่เกิน 1,000 บาทต่อตัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภากทม.ในการจัดสรรงบผูกผันเพื่อดำเนินจ้างเผาขยะดังกล่าวระยะ 20ปี ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการจ้างเผาต่อเนื่องรวม 14,600 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การเผากำจัดขยะเป็นแนวทางในอนาคตที่กทม.วางแผนดำเนินการ เนื่องจากเป็นการกำจัดขยะได้ทั้งหมด และเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย แทนการฝังกลบที่จัดหาพื้นที่ได้ยาก และจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้ ดังนั้น กทม.จึงต้องศึกษาแนวทางกำจัดขยะอื่นเพื่อเลิกการฝังกลบอย่างถาวร โดยขณะนี้ กรุงเทพฯ มีปริมาณขยะมากขึ้น จัดเก็บได้ถึงวันละ 10,500 ตัน เพิ่มเติมจากปีที่ผ่านมาถึง 2,000 ตัน และแนวโน้มปริมาณขยะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการขยายตัวของประชากร ดังนั้น กทม.จึงต้องเร่งวางรูปแบบการกำจัดขยะที่เหมาะสมมากที่สุด โดยนอกเหนือจากโครงการก่อสร้างเตาเผาขยะ 2 แห่งดังกล่าวนั้น ตนยังได้ให้สำนักสิ่งแวดล้อมทำการศึกษาการก่อสร้างเตาเผาขยะเพิ่มเติม ขนาด 2,000 ตัน ในพื้นที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยสายไหม เพื่อเพิ่มจำนวนเตาเผาขยะกระจายตามจุดต่างๆให้ได้ครบสมบูรณ์อีกด้วย.