"ไวรัสตับอักเสบ" คุกคามชีวิตคนไทยกว่าล้านคน

"ไวรัสตับอักเสบ" คุกคามชีวิตคนไทยกว่าล้านคน แพทย์เผยส่วนใหญ่พบผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีและซี ชี้ส่งผลให้เกิดโรคตับแข็งและมะเร็งในตับ แนะประชาชนควรตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและหาวิธีป้องกัน


"ไวรัสตับอักเสบ" คุกคามชีวิตคนไทยกว่าล้านคน  thaihealth

แฟ้มภาพ


ไวรัสตับอักเสบ เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่งที่ชอบทำอันตรายเฉพาะตับเป็นหลัก โดยโรคไวรัสตับอักเสบในปัจจุบันมีทั้งหมด 5 ชนิด คือ เอ บี ซี ดี และ อี ในบ้านเราผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบส่วนใหญ่ที่พบคือ บี และ ซี ซึ่งไวรัสตับอักเสบบีนั้นมีประมาณ 2% จากประชากรไทยทั้งหมด หรือประมาณ 1.4 ล้านคน และ ไวรัสตับอักเสบซี ประมาณ 1% คือครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบี ถือเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง และโรคนี้มักไม่แสดงอาการเริ่มต้น จนกระทั่งออกอาการในระยะสุดท้าย จนไม่สามารถรักษาได้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์จึงร่วมกับสภากาชาดไทย จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบ เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปและผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเข้าร่วมงาน เนื่องในวันตับอักเสบโลก โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-23 สิงหาคม 2558 ที่สภากาชาดไทย


ศาตราจารย์ นพ.พิสิฐ ตั้งกิจวานิชย์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยโรคตับอักเสบและมะเร็งตับ คณะแพทยศาตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่าโรคไวรัสตับอักเสบมีทั้งหมด 5 ชนิด คือ เอ บี ซี ดี อี แต่ตัว บี และ ซี จะเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดโรคตับแข็ง มะเร็งตับ และการติดสามารถติดได้ทางเลือดเป็นหลัก ซึ่งสำหรับคนที่จะมาบริจาคเลือดจะต้องมีการตรวจคัดกรองก่อน ซึ่งในบ้านเราพบผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี และ ซี จำนวนมาก ใน B นั้นมีกว่า 2% เช่น ในจำนวนคนไทย 70 ล้านคน ก็จะเป็นไวรัสตับอักเสบบี ประมาณ 1.4 ล้านคน ถือว่าเป็นโรคที่พบเยอะมากกว่าเอดส์ ในส่วน ซี ประมาณครึ่ง คือ 1%


"โรคพวกนี้จะไม่พบอาการอะไรบ่งชี้ ซึ่งในผู้ป่วยบางรายอาจจะสะสมเป็นสิบปีขึ้นไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อาการหนักพบเป็นมะเร็งตับ เป็นโรคตับแข็งแล้ว หรือตรวจครั้งแรกพบคือมะเร็งตับ พอเราตรวจเจอต่อไปคือไวรัสตับอักเสบ ซึ่งอาจจะเป็นบี หรือ ซี ก็แล้วแต่ พัฒนาการในไวรัสตับ คือจะทำให้ตับอักเสบ เมื่อมีไวรัสไปอยู่ที่ตับนานๆ จะทำให้เนื้อตับถูกทำลาย แต่จะไม่ได้ทำลายโดยตรงแต่จะไปกระตุ้นภูมิต้านทานที่จะสู้กับไวรัส ก็จะทำให้เซลล์ตับถูกทำลาย พอนานวันเข้าเซลล์ตายไป จนตับมีการซ่อมแซมก็จะเกิดเป็นเหมือนแผลเป็น พอเป็นมากเข้าตับก็จะเป็นตับแข็งซึ่งในตับแข็งนั้นจะมีเซลล์บางตัวที่ผิดปกติซึ่งคราวนี้เองจะกลายเป็นมะเร็งได้ สำหรับการติดต่อและกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้น เช่น กลุ่มไวรัสบี จะติดทางเลือด เพศสัมพันธ์ หรือคนในบ้านเป็นไวรัสตับอักเสบบี ก็ควรจะตรวจ แต่โรคนี้ไม่ใช่กรรมพันธุ์ และไวรัสตับอักเสบซีก็ติดทางเลือดเช่นกัน เช่นเคยผ่าตัด เคยได้รับเลือด และไวรัสตับอักเสบ เอ และ อี จะติดทางอาหาร คือใช้ช้อนร่วมกัน ซึ่งพวกนี้จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ควรมาตรวจหาโรค เพื่อวางการรักษาต่อไป"


ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคไวรัสตับอักเสบบี แต่ถ้าตรวจเจอจะมียารักษาควบคุม ส่วนใหญ่โรคนี้จะรักษาไม่หายเพียงแต่ป้องกันไม่ให้ลุกลาม ไปได้ แต่ไวรัสตับอักเสบซี สามารถรักษาให้ หายได้ โดยเป็นยารับประทานร่วมกับยาฉีด ใช้เวลารักษาประมาณ 3 เดือน ซึ่งตอนนี้ยังต้องนำเข้ายาเพื่อรักษาโรคนี้อยู่


ด้วยความสำคัญในการที่จะให้ประชาชนตระหนักรู้ ระวังป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบนี้เอง ทำให้เกิดกิจกรรมในวันตับอักเสบโลก ขึ้น โดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ร่วมกับสภากาชาดไทย จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบ เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปและ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเข้าร่วมงาน โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-23 สิงหาคม 2558 ที่สภากาชาดไทย


"วัตถุประสงค์ในการจัดงาน คือต้องการประชาสัมพันธ์ว่าทุกวันนี้คนที่เป็นโรคนี้เป็นจำนวนมากถึงกว่าล้านคน แต่ไม่ค่อยมีคนรู้หรือสนใจ ทำให้มีการตื่นตัวรับรู้น้อยมาก ซึ่งเราเคยทำการศึกษาเรื่องโรคนี้ที่สภากาดชาด พบว่าคนรู้จักโรคนี้น้อยมาก จึงคิดว่าถ้ามีโอกาสอยากประชาสัมพันธ์ให้รู้จักและเรียนรู้วิธีป้องกันว่าทำอย่างไร ใครมีความเสี่ยงจะเป็นโรคนี้บ้าง จะต้องตรวจหาโรคและต้องวางแผนทำอะไรต่อไป ก็จะให้ความรู้ครบวงจร ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมหลายอย่าง จะมีการจัดสัมมนา ประชุมกลุ่มย่อย แจกคู่มือหนังสือ จัดบูธสุขภาพตรวจหาโรคเพิ่มเติม โดยจะมีเครื่องมือที่วัดความแข็งของตับเพื่อตรวจดูว่าเป็นโรคตับแข็งหรือไม่ ผ่านเครื่องไฟโบรสแกน (Fibro Scan) คล้ายเครื่องอัลตร้าซาวด์ โดยค่าที่ได้จะเป็นค่าวัดความแข็งของตับออกมาเป็นตัวเลขก็จะทราบได้จากคนที่มีความเสี่ยง และใช้เวลาตรวจ ไม่นานประมาณ 5-10 นาทีก็เสร็จ โดยกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่ 09.00-15.00 น."


ถือเป็นการจัดกิจกรรมที่มีประโยชน์มากต่อประชาชน และผู้ที่มีความเสี่ยง และคนที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบ จะได้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หาวิธีป้องกัน รักษา และดูแลตัวเองต่อไป ที่สำคัญไวรัสตับอักเสบ มีการฉีดวัคซีนป้องกัน ก็จะเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลที่ดีมีประโยชน์และส่งเสริมการตรวจเพื่อการรักษาต่อไป อย่าลืมไปพบกันที่งาน วันตับอักเสบโลก 12-23 สิงหาคม 2558 ที่สภากาชาดไทย


 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง


 

Shares:
QR Code :
QR Code