ไร้ควันยาสูบชุมชนทำได้

          31 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก สำหรับในบ้านเรานั้น ทางหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่เกี่ยวข้องได้จับมือกันเดินหน้ารณรงค์ให้สังคมตระหนักรู้ถึงพิษภัยของการสูบบุหรี่ และลดปริมาณผู้สูบ เพื่อสุขภาพของตนเอง และส่วนรวม เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีว่าจำนวนผู้สูบบุหรี่ในบ้านเรานั้นลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง


/data/content/24413/cms/e_bdhklmpuy269.jpg


          แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า จากสภาวะความเครียดทางสังคม และปัญหาทางเศรษฐกิจที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยหันหน้าไปพึ่งบุหรี่ ทำให้ปริมาณผู้สูบบุหรี่ในรอบ 2 ปีที่ผ่านแทบไม่ลดลง โดยเฉพาะผู้สูบบุหรี่ในเขตชนบท ที่มีปริมาณมากกว่าในเขตเมืองชี้ชัดว่า การแก้ปัญหายังเข้าไม่ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ จึงต้อง เร่งทำงาน เพื่อตอกย้ำให้ประชาชน และสังคมก้าวเข้าสู่ภาวะปลอดบุหรี่ โดยเร็ว


          ล่าสุด สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้จัดประชุมสร้างการเรียนรู้โดยมี พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเครือข่ายสร้างนวัตกรรมควบคุมการบริโภคยาสูบโดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง ภายใต้ โครงการเสริมพลังเครือข่ายควบคุมการบริโภคยาสูบ โดยเอาพื้นที่เป็น ตัวตั้ง ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎเทพสตรี จ.ลพบุรี โดยในงานดังกล่าว ได้มีการเชิญชวนบุคคลตัวอย่าง ในฐานะผู้นำชุมชน ที่จะมีอิทธิพลต่อความคิด และชีวิตประจำวัน รวมทั้งเป็นบุคคลที่ชุมชนให้การยอมรับ เป็นต้นแบบในด้านต่างๆ เข้ามาพูดคุยกัน เพื่อให้คนกลุ่มนี้ ได้เป็นกระบอกเสียงไปยังชุมชน ช่วยกันแนะแนวทางให้ประชาชน ที่สูบบุหรี่ ได้เข้าใจ และพึงระมัดระวัง อันตรายที่จะมาจากการสูบ ทั้งอันตรายต่อตนเอง และต่อบุคคลรอบข้างในด้านสุขภาพ


          นางสาวดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. เชื่อมั่นว่า ท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมากพอที่จะ ขับเคลื่อนการควบคุมการบริโภคยาสูบให้สำเร็จได้ โดยคาดว่า หลังการดำเนินการแล้วเสร็จ ผู้นำชุมชนจะร่วมสร้างเด็ก และเยาวชนที่เป็นนักรณรงค์ประจำท้องถิ่นได้อย่างน้อยอบต.ละ 4-5 คน


          "เรื่องบุหรี่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องสุขภาพ แต่เป็นการควบคุมตนเอง การเข้ากลุ่มเพื่อน การเข้าสังคม ดังนั้นการรณรงค์ของท้องถิ่น ครั้งนี้ จะต้องใช้ความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อกัน กระตุ้นให้เพื่อนในชุมชนลดการสูบบุหรี่ด้วยความเข้าใจ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การให้ท้องถิ่น เป็นคนทำเรื่องการรณรงค์ด้วยตัวเองว่าการลดละเลิกของเขา ควรจะ ใช้วิธีแบบไหนจึงจะนำไปสู่การเลิกบุหรี่ได้จริงๆ ซึ่งกลไกนี้จะทำให้เกิดความรู้ใหม่ๆ ที่จะนำมาช่วยรณรงค์การควบคุมยาสูบในระดับประเทศได้อีกด้วย"


          ตัวอย่างหนึ่งเกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดย นายบุญช่วย เวชกิจนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เล่าให้ฟังว่า เป็นคนหนึ่งที่เคยสูบบุหรี่ แต่สามารถเลิกได้เองเมื่อปี 2548 โดยได้แรง/data/content/24413/cms/e_abcdfghjtx49.jpgบันดาลใจจากความเป็นห่วงของลูกสาวที่นำสติกเกอร์ รณรงค์ไม่สูบบุหรี่มาติดไว้ตรงระเบียงบ้าน เลยคิดได้ว่าน่าจะต้องเลิกสูบ จริงจัง


          "การที่เราสามารถเลิกสูบได้เอง ช่วยให้ขับเคลื่อนงานในชุมชนง่ายขึ้น สามารถบอกผลกระทบทางสุขภาพได้ แนะนำได้ว่าถ้าอยากเลิกสูบ จะต้องเลิกแบบไหน และมีอะไรบ้างที่ต้องระวังไม่ให้เข้ามาเป็นอุปสรรคในการเลิก ซึ่งในชุมชนของผม ผมสนับสนุนให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนช่วยในการเลิกด้วย โดยครอบครัวจะต้องเข้ามาร่วมอบรมให้รู้ว่าคนที่กำลังเลิกสูบบุหรี่ จะมีอารมณ์หงุดหงิด กินเผ็ดไม่ได้ ทุกคนที่อยู่ร่วมกัน จะต้องช่วยให้กำลังใจ ไม่โกรธ แล้วก็ดูแลการกินให้กับคนที่กำลังเลิกสูบบุหรี่ให้ดี"


          จากความสำเร็จของการเลิกบุหรี่ของกลุ่มผู้นำในชุมชน ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง และด้วยการสร้างแรงกระตุ้น และแรงสนับสนุนทางใจจากคนในครอบครัว ทำให้การเลิกบุหรี่ทำได้ไม่ยากนัก และเรื่องราวเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดต่อไปในชุมชน


          ท้ายที่สุด เป้าหมายของการลดปริมาณผู้สูบบุหรี่ในบ้านเราจะค่อยๆ ขยับจากเป้าหมายเล็กในพื้นที่ระดับหมู่บ้าน สู่เป้าหมายระดับชาติได้โดยไม่ยากนักนั่นเอง


 


 


           ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


           ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code