ไทยผลิตชุดตรวจโคโรนาได้สำเร็จ พร้อมแบ่งปันข้อมูลในภูมิภาค

ที่มา : มติชน


ไทยผลิตชุดตรวจไวรัสโคโรนาได้สำเร็จ เตรียมพร้อมแบ่งปันข้อมูลในภูมิภาค thaihealth


แฟ้มภาพ


กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ย้ำความสำเร็จต่อยอดถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม (whole genome sequencing) สู่ชุดตรวจวินิจฉัยเชื้อ 'ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019' ชี้มีความแม่นยำ รวดเร็ว เล็งขยายขีดความสามารถสู่ห้องปฏิบัติการ เครือข่ายทั่วประเทศ พร้อมแบ่งปันในภูมิภาค


เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้มอบนโยบายและสั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน (EOC) ในส่วนของ สธ.ขึ้น เพื่อรับมือควบคุมการระบาดของเชื้อโรคนี้ และมอบให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ดูแลพัฒนาห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ให้สามารถตรวจวินิจฉัยโรคนี้ให้มีประสิทธิภาพ แม่นยำ รวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยและการป้องกันควบคุมโรค อีกทั้งองค์การอนามัยโลก ประกาศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR 2005) กำหนดให้ประเทศสมาชิกพัฒนาสมรรถนะของประเทศให้พร้อมรองรับโรคระบาด และสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในการป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อการระบาด เพื่อหวังจะลดความเสี่ยงตลอดจน ความเสียหายจากการระบาดของโรคอุบัติใหม่ต่างๆ


"หนึ่งในสมรรถนะหลักที่สำคัญ ได้แก่ สมรรถนะด้านระบบห้องแล็บสาธารณสุข ซึ่งส่งผลให้สามารถตรวจจับโรคระบาดได้อย่างรวดเร็ว สามารถควบคุมและจัดการปัญหาได้ทันการณ์ เมื่อมีโรคอุบัติใหม่ระบาด ห้องแล็บมีหน้าที่สำคัญคือ ต้องพยายามตรวจพิสูจน์ให้ได้ว่าเชื้อโรคนั้นคือเชื้ออะไร จากนั้นจะต้องพัฒนาวิธีการตรวจชันสูตรทางห้องแล็บ เพื่อมาใช้ในการตรวจชันสูตรผู้ป่วยจำนวนมากให้ได้อย่างรวดเร็ว และถ่ายทอดให้ห้องแล็บเครือข่ายนำไปใช้ประโยชน์เพื่อรองรับสถานการณ์หากพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งต้องเร่งวิจัยพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรคขึ้นมาใช้ ภารกิจเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในระดับนานาชาติ" นพ.โอภาสกล่าว


ทั้งนี้ นพ.โอภาสกล่าวว่า องค์การอนามัยโลกได้เชิญชวนให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกัน โดยแบ่งปันข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลพันธุกรรมของเชื้อโรค วิธีการตรวจ ตลอดจนทรัพยากรชีวภาพ เช่น เชื้อโรค เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจกรรมที่สำคัญและเร่งด่วนเหล่านี้ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือการตรวจทางห้องแล็บแก่ประเทศที่ยังไม่พร้อม เพื่อให้สามารถควบคุมโรคได้ทันการณ์


"กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งมีหน้าที่เป็นห้องปฏิบัติการแห่งชาติด้านสาธารณสุข และเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงไข้หวัดใหญ่ของภูมิภาค SEAR ได้ตรวจยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยวิธีการตรวจรหัสพันธุกรรมตลอดทั้งจีโนม (whole genome sequencing) ภายใน 2 วัน หลังได้รับตัวอย่างผู้ป่วยรายแรก และได้แบ่งปันข้อมูลรหัสพันธุกรรมนี้กับเครือข่ายห้องปฏิบัติการอ้างอิงไข้หวัดใหญ่ผ่านศูนย์ข้อมูล GISAID เพื่อให้นานาชาติใช้ประโยชน์ในการพัฒนาวิธีตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ตลอดจนการวิจัยพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรคขึ้นมาใช้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ควบคุมการระบาดได้อย่างทันการณ์ นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาความพร้อม โดยให้ความช่วยเหลือในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือการสนับสนุนน้ำยาตรวจวิเคราะห์ ทั้งนี้ด้วยตระหนักในความจริงที่ว่า โรคติดต่อนั้นไร้พรมแดน การให้ความช่วยเหลือมิตรประเทศเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยเสริมภูมิให้แก่ภูมิภาค ในการจัดการการระบาดครั้งนี้" 


นพ.โอภาสกล่าวว่า ทั้งนี้ สมรรถนะระบบห้องปฏิบัติการของประเทศ หมายความรวมตั้งแต่เครือข่ายห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลระดับอำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ เครือข่ายห้องปฏิบัติการอ้างอิง ขีดความสามารถ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ระบบการส่งต่อตัวอย่างตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อสอบสวนโรคและการยืนยันทั้งในระดับชาติ และนานาชาติ

Shares:
QR Code :
QR Code