ไทยคุมเข้ม “อีโบลา” อย่างต่อเนื่อง

ผู้เชี่ยวชาญไวรัสยันไทยยังคุมเข้ม “ไวรัสอีโบลา” ระบุคนหายจากโรคยังก่อโรคซ้ำได้ เหตุเชื้อซ่อนตัวอยู่ในน้ำนม-ช่องคลอด-อสุจิ-สมอง

แฟ้มภาพ

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวนยการศูนย์โรคติดเชื้อโรคอุบัติใหม่สภากาชาดไทย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง กรณีที่องค์การอนามัยโลกประกาศพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลารายใหม่ 1 คน ที่ประเทศเซียร์ราลีโอน เป็นหญิงสาวอายุ 22 ปี อาศัยอยู่ในเมืองทางเหนือซึ่งมีพรมแดนติดกับกินี และมีผู้ต้องเข้ารับการกักบริเวณอีก27 คน หลังจากที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ปลอดโรคไปเมื่อเดือน พ.ย.2558 ว่า ถือเป็นการพบผู้ป่วยในพื้นที่ที่เคยระบาดมาก่อน ซึ่งโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาคงยังไม่สงบง่ายๆ เพราะว่าในผู้ป่วยทีใหายแล้ว หรือคนที่เป็นโรคแต่อาการน้อยจะมีเชื้อซ่อนอยู่ในตัวเช่น น้ำนม ช่องคลอด น้ำอสุจิ เป็นต้น ดังนั้นคนที่หายแล้วยังทำให้เกิดโรคเป็นย่อมๆได้ หรือไม่เช่นนั้นก็เกิดจากสาเหตุเดิมคือ 1.การข้ามเขตแดน 2.การรับประทานสัตว์ป่า เช่น กอลิลา ชิมแปนซี ทั้งนี้บางรายเชื้ออาจะซ่อนอยู่ในสมองทำให้เกิดโรคที่คล้ายกับภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบลูกตาอักเสบได้

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลานั้น มีหลายประเทศกำลังศึกษาวิจัยบางผลงานระบุว่าเมื่อฉีดเข้าไปแล้วสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ แต่การทดลองฉุดในคนแล้วสามารถบอกได้ว่ามีโอกาสรอดได้กี่เปอร์เซ็นต์ฉีดเมื่อโรคอยู่ในระยะที่เท่าไหร่ ฉีดในปริมาณที่เท่าไหร่ตรงนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ ส่วนใหญ่ที่หายจากโรคก็เป็นการหายเองตามธรรมชาติ และบางรายมีเชื้อไวรรัสอีโบลาหลงเหลืออยู่ในร่างกายอย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทยนั้นไม่ต้องกังวล เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีระบบควบคุมป้องกันโรคระบาดที่เข้มงวดจนถึงทุกวันนี้ยังไม่ได้หย่อนมาตรการตรวจเข้มเลย ยังมีการกักตัว ส่งตัวอย่างสารคัดหลั่งของกลุ่มเสี่ยงมาตรวจหาเชื้อที่ศูนย์โรคติดเชื้อฯที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่ ซึ่งไม่พบความผิดปกติใดๆ

ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์