ไข้เลือดออกปีนี้มาแรง 2 เดือน พบผู้ป่วย 13,200 คน
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายในการควบคุมและป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออกอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะถึงฤดูกาลระบาดของโรคหรือฤดูฝน ซึ่งจากการประชุมวอร์รูม (war room) เฝ้าระวังติดตามผลแก้ไขปัญหาการระบาดโรคไข้เลือดออกในปี 2556 ผลของการควบคุมจำนวนยุงลาย เพื่อป้องกันโรค ขณะนี้พบว่ายังได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ
สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานตั้งแต่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 11 มีนาคม 2556 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกทั่วประเทศรวม 13,200 ราย พบทุกจังหวัด เฉลี่ยสัปดาห์ละ 1,000- 1,500 ราย มีผู้เสียชีวิต 16 ราย กว่าครึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ทั้งจำนวนผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตสูงกว่าช่วงเดียวกันในปี 2555 ถึง 4 เท่าตัว ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ภายในบ้านของประชาชนมียุงลายซึ่งเป็นตัวนำโรคนี้ หลบซ่อนอาศัยอยู่ด้วย ผลการสุ่มสำรวจลูกน้ำยุงลายในบ้านเรือน ทั้งในเขตเมืองและนอกเมือง ชุมชนแออัด และชุมชนย่านพาณิชย์ใน 190 อำเภอ โดยหน่วยควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค พบว่าภาชนะขังน้ำเพื่อใช้ดื่มหรือใช้ภายในบ้านเรือน กว่าร้อยละ 70 มีลูกน้ำยุงลายชุกชุมมาก จังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตมี 9 จังหวัด ได้แก่ สงขลา 5 ราย นครศรีธรรมราช 2 ราย ที่เหลือได้แก่ กทม. สมุทรปราการ นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง ปัตตานี ยะลา จังหวัดละ 1 ราย
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวอีกว่า ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เร่งลดปริมาณยุงลาย โดย 1. ให้รณรงค์ให้ประชาชน ลงมือช่วยกันทำลายลูกน้ำยุงลายในบ้าน เปลี่ยนน้ำขัดล้างภาชนะขังน้ำทุก 7 วัน หรือปิดฝา เพื่อไม่ให้ยุงลายลงไปวางไข่ได้ หรือไม่ให้ลูกน้ำมีโอกาสโตเป็นตัวยุง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าสาธารณสุขและอสม. สำรวจลูกน้ำยุงลายในภาชนะเก็บน้ำทุกชนิดภายในบ้านติดตามผลทุก 1 เดือน
2. การป้องกัน ไม่ให้ยุงลายกัดทั้งคนป่วยและคนปกติ โดยทายากันยุงในช่วงกลางวัน ซึ่งยุงที่พบกว่าร้อยละ 95 เป็นยุงลาย เช่น โลชั่นตะไคร้หอม กลิ่นทนได้นาน 4 ชั่วโมง กำลังพัฒนาให้กลิ่นอยู่คงทนเพื่อกันยุงได้นาน 8 ชั่วโมง และให้อสม. ปลูกตะไคร้หอมที่บ้าน เพียง 2 เดือนก็สามารถนำมาใช้ได้ โดยใช้วิธีทุบลำต้นและใบให้ช้ำ กลิ่นน้ำมันหอมจะระเหยออกมา ไล่ยุงทุกชนิดไม่ให้มาใกล้ เพื่อลดการป่วยให้ได้มากที่สุด และประการที่ 3. เรื่องการรักษา ให้จัดอบรมฟื้นฟูมาตรฐานการวินิจฉัย ดูแลรักษาแก่แพทย์รักษาเด็กและผู้ใหญ่ พยาบาลทั้งรัฐและเอกชน เพื่อลดการเสียชีวิตของประชาชนให้ได้มากที่สุด
ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขประธานวอร์รูมฯ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลในไทย ฝนตกๆ หยุดๆ ยิ่งเอื้อต่อการเพิ่มจำนวนยุงมากขึ้น กล่าวคือ ไข่ยุงลายที่ทนความแห้งแล้งติดภาชนะอยู่ได้เป็นปีๆ เมื่อไข่ถูกน้ำท่วมถึง ก็จะแตกตัวเป็นลูกน้ำยุงลายภายใน 1 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อบินได้จะหากินเหยื่อในระยะประมาณ 100 เมตร ยุงตัวเมียมีชีวิตได้ประมาณ 2 เดือน เมื่อผสมพันธุ์กับตัวผู้แล้วจะวางไข่ได้ 4-6 ครั้ง ครั้งละประมาณ 100 ฟอง และหากปล่อยให้ยุงตัวเมีย 1 ตัวมีชีวิตอยู่ จะเพิ่มยุงรุ่นลูกได้ถึง 500 ตัว รุ่นหลานอีกทวีคูณ
“เรื่องยุงลายไม่ใช่เรื่องของยุงน้ำเน่าอย่างที่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่เป็นเรื่องยุงที่ชอบเพาะพันธุ์ในน้ำนิ่งใส ต้องขอความร่วมมือของประชาชนทุกคน ช่วยกันคนละไม้คนละมือกำจัดลูกน้ำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ที่น่ากังวลขณะนี้พบว่าประชาชนยังเข้าใจว่าการกำจัดยุงลายโดยวิธีการพ่นสารเคมีตามรอบๆบ้าน ท่อระบายน้ำต่างๆ แล้ววางใจว่ายุงตายหมดนั้น
วิธีการดังกล่าวเป็นการเอื้อให้เกิดปัญหายุงดื้อยา และ ถือว่าเป็นการจับผิดตัวเสมือนจับแพะ เพราะยุงที่ตายไม่ใช่ยุงลาย ส่วนใหญ่จะเป็นยุงรำคาญ แต่ยุงลายฆาตกรตัวจริงยังหลบในบ้านอย่างลอยนวล รอกินเลือดหวานๆจากคนในบ้าน ไม่ต้องออกไปหากินไกลๆ กินอยู่หลับนอนในบ้าน การใช้สารเคมีพ่นมีความจำเป็นเฉพาะในกรณีที่พบผู้ป่วยในบ้าน ซึ่งจะเป็นการฆ่ายุงลายไม่ให้ไปกัดและนำเชื้อไปติดคนอื่นอีก ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรม” นายแพทย์โสภณ กล่าว
ส่วนวิธีกำจัดยุงตัวแก่แบบพื้นบ้านและใช้ได้ผลดีคือ นำน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 1 กระป๋องนม ใส่ในกระบอกฉีดน้ำหรือขวดน้ำยารีดผ้าที่ใช้หมดแล้ว เก็บไว้เป็นอาวุธประจำครอบครัว เมื่อเห็นยุงบินผ่าน หรือออกค้นหาตามบริเวณที่ยุงชอบอาศัยอยู่เช่น ห้องน้ำ ภาชนะขังน้ำต่างๆ ห้องที่ทึบแสง ตู้เสื้อผ้า หรือราวแขวนผ้าที่มีเสื้อผ้าสีดำหรือสีเข้ม ให้ฉีดพ่นน้ำยาที่เตรียมไว้ให้โดนตัวยุง เมื่อยุงโดนน้ำยาเคลือบที่ผิวหนังก็จะตายในที่สุด ทั้งนี้ หากประชาชนหรือลูกหลานมีอาการไข้ ตัวร้อน ติดต่อกัน 3 วัน ขอให้รีบมาพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อให้ได้รับการตรวจรักษาได้อย่างทันท่วงที
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน