“ให้รางวัลตัวเอง” เริ่มต้นปีใหม่
เพิ่มสุขได้ทั้งกายและใจ
ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ใครหลายคนกำลังเลือกสรรของขวัญดี ๆ มอบให้แก่คนพิเศษ จนบางครั้งอาจลืมนึกไปว่าคนพิเศษที่พิเศษเหนือใครทั้งหมดนั้นก็คือ ตัวเราเอง ที่บางครั้งบางเวลาก็ต้องการรางวัลที่มีค่าที่สุดเพื่อเป็นกำลังใจในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน
นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นพ.ทรงคุณวุฒิกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวแนะนำว่า การให้รางวัลตัวเองในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในช่วงปีใหม่นี้ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องดูว่าเราได้อะไรจากรางวัลนั้น เช่น มีความสุขใจในชีวิตแต่ทำให้เสียสุขภาพ เช่น การกินเที่ยวดื่มแอลกอฮอล์ อดนอนเพื่อกินเลี้ยงสังสรรค์ ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการให้รางวัลที่ดีแก่ตัวเอง
การให้รางวัลตนเองแบ่งได้เป็น 3 ข้อหลัก ๆ คือ 1. รางวัลเพื่อสุขภาพดีถือเป็นรางวัลที่ดีที่สุด เพราะเป็นการวางแผนการใช้ชีวิตที่ดีเพื่อสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลาให้ตนเองในเรื่องนี้สักเท่าไร 2. รางวัลที่ทำให้เรามีความสุขแบ่งเป็นสุขกายคือ สิ่งที่ทำให้เราสุขสบาย โดยไม่สร้างผลเสียให้กับสุขภาพ เช่น การเลือกซื้อของใช้สอยที่เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ชีวิต และสุขใจคือการที่เราสามารถค้นหาตัวเอง ชื่นชมตัวเอง เห็นข้อดีหรือความถนัดของตัวเอง ซึ่งรางวัลนี้จะอยู่กับเราได้นาน เพราะบางครั้งการเรียนหรือการทำงานที่ทำอยู่นั้น เราอาจจะไม่ชอบหรือไม่ถนัดก็ได้
ดังนั้นเราจึงควรมีเวลาให้ตัวเองลองทบทวนดูว่าตัวเองชอบอะไรในเทศกาลปีใหม่นี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะได้ลองทำ เนื่องจากมีเวลาหยุดต่อเนื่องหลายวัน และ 3. รางวัลที่ทำให้เราเก่งขึ้น และเข้าใจชีวิตมากขึ้นปัจจุบันมีหลายอย่างที่จะพัฒนาตัวเองได้ เช่นการเรียน การฝึกฝน และการอบรมต่าง ๆ ที่ในปีใหม่นี้เราควรจัดวางแผนเพื่อลงมือทำ
อย่างไรก็ตามความสุขจากการเดินทางไปท่องเที่ยวธรรมชาติก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดอาจทำให้เราฉุกคิดหรือช่วยเยียวยาจิตใจได้ เพราะถ้าอากาศดี ๆ ก็ช่วยเติมสุขภาพให้แข็งแรง บรรยากาศที่สงบร่มเย็นก็ช่วยให้เรามีความสุขและมีเวลาได้ทบทวนก็ทำให้เราเก่งขึ้น ดังนั้นปีใหม่นี้เรามีรางวัลดี ๆ 3 ข้อให้เลือกเพื่อมอบให้แก่ตัวเองแล้ว
ความสุขของคนเราบางทีก็อยู่ที่ความสัมพันธ์กันทางสังคม การมอบของบางอย่างให้แก่กันจึงถือเป็นการตอกย้ำความรู้สึกที่ดีต่อกัน แต่ปัจจุบันเรามองว่าการมอบของขวัญปีใหม่ให้กันกลับกลายเป็นพิธีการไปแล้ว เช่น การซื้อกระเช้าและเขียนคำอวยพรให้เหมือนกันหมดทั้ง 30 รายชื่อ ซึ่งจะทำให้ไม่เห็นความสำคัญของสิ่งของที่มอบทั้งผู้ให้และผู้รับนพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุลนพ.ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แนะนำเพิ่มเติมว่า เราควรหาเวลาเพื่อเลือกซื้อของขวัญให้ตรงใจแก่ผู้รับด้วย เพราะนอกจากจะทำให้ผู้รับเห็นถึงความใส่ใจในตัวเขาแล้ว ตัวเราเองก็ไม่ได้ถือว่าเป็นภาระอะไรมาก หากผู้รับชอบของที่เรามอบให้ ตัวเราเองก็จะมีความภาคภูมิใจและมีความสุขไปด้วย เช่น ลองหาหนังสือดี ๆ และเลือกว่าคนนี้เหมาะกับการอ่านแบบไหน ถ้าไม่ใช่นักอ่านมากมายก็หาหนังสือเล่มบาง ๆ ให้ข้อคิดดี ๆ แก่คนคนนั้นเพียงเท่านี้คนรับก็รู้สึกดีแล้ว เพราะการใส่ใจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นการสร้างความสุขที่ยั่งยืนได้
ภัทราวดี โสฬส แม่ค้าขายเครื่องดื่มชาวสุรินทร์วัย 34 ปี เปิดเผยความรู้สึกถึงรางวัลที่อยากมอบให้กับตัวเองในปีใหม่ปีนี้ว่า เธออยากได้นาฬิกาข้อมือคุณภาพดีสักเรือนสำหรับตัวเอง หลังจากที่ต้องทนเหน็ดเหนื่อยกับการตรากตรำทำงานหนักมาทั้งปี เพราะหวังว่านาฬิกาเรือนนี้จะเป็นของขวัญและของรางวัลให้กับตัวเองซึ่งมันจะทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้นและมีเรี่ยวแรงต่อสู้กับชีวิตและการทำงานในปีต่อไปได้ และถ้ามีโอกาสดี ๆ มีวันหยุดพักผ่อน อยากไปเที่ยวภาคเหนือเพื่อดูดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิดหรือตั้งแคมป์ปิกนิกกับครอบครัว แค่นี้เธอก็มีความสุขมากพอแล้วพร้อมแนะนำคนที่ทำงานหนัก ๆ มาทั้งปีให้พักผ่อนหรือมอบของขวัญเป็นรางวัลให้กับชีวิตของตัวเองกันบ้างเพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน
“ปีใหม่นี้อยากซื้อเสื้อยืดผ้าดี ๆ สักตัวเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเอง เพื่อสวมใส่เดินทางไปฉลองปีใหม่กับครอบครัวและญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่บ้านเกิด ถึงแม้ราคาจะไม่สูงมากแต่มันก็มีคุณค่าทางจิตใจ เพราะคนงานก่อสร้างไม่ค่อยมีเสื้อผ้าที่ขาวสะอาด ต้องทำงานที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนทั้งดินโคลนทั้งเหงื่อไคล”
ลือ ตะวันหะ คนงานก่อสร้างชาวบุรีรัมย์ วัย 66 ปีกล่าวพร้อมเล่าว่า เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ตั้งแต่ยังหนุ่มโดยหวังเพียงเพื่อมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม และมีอาชีพก่อสร้างมายาวนานกว่า 40 ปี ไม่เคยซื้อของขวัญปีใหม่ให้กับตัวเองเลยสักครั้งเดียว แต่ปีนี้จะเป็นปีแรกที่เขาจะให้รางวัลแก่ตัวเองบ้าง เพราะทำงานเหนื่อยมาจนอายุปูนนี้แล้ว อยากสวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ เหมือนคนอื่น ๆ บ้าง และฝากอวยพรปีใหม่ให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็งพร้อมที่จะต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆในปีต่อไปได้อย่างไม่ย่อท้อ
ด้านตำรวจนักสืบผู้ไม่เคยมีวันหยุด ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีวันหยุดเทศกาลปีใหม่ แต่ พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผู้กำกับสืบสวนสอบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็มีความสุขจากการมอบรางวัลปีใหม่ให้แก่ตัวเอง ด้วยการพยายามหาเวลาว่างจากการทำงานเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดราชบุรี เพื่อไปกราบขอพรปีใหม่จากพ่อแม่ เพราะการรับพรจากผู้บังเกิดเกล้าถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง นอกจากนี้ยังให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนและทบทวนถึงสิ่งที่ผิดพลาดในปีเก่า ๆ ด้วย
“ทุกปีที่ผ่านมาผมก็คิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องงานทุกปี บางอย่างก็แก้ไขได้ แต่บางอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่เมื่อทราบข้อผิดพลาดแล้วจะพยายามทำให้ผิดพลาดน้อยที่สุด เพราะการทำงานย่อมมีความผิดพลาดบ้างถือเป็นเรื่องธรรมดาที่เราอาจทำงานไม่ถูกใจผู้อื่น บางทีรู้สึกท้อบ้างแต่ก็ไม่ถอย ซึ่งปีใหม่นี้จึงจะพยายามเติมเต็มสิ่งที่ขาดตกบกพร่องไปให้ได้ดีที่สุดเพื่อการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ”
ด้าน นิตยา สอนพรม พยาบาลตึกพิเศษศัลยกรรมสถาบันบำราศนราดูร กล่าวถึงการให้รางวัลกับชีวิตตัวเองในปีนี้ว่า เป็นการให้รางวัลในแง่ด้านจิตใจมากกว่า เนื่องจากตัวเองเป็นคนต่างจังหวัดไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก การได้หยุดพักช่วงปีใหม่กลับไปที่บ้านและได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ถือเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดเพราะการได้นั่งคุยและนั่งกินข้าวร่วมกันกับครอบครัว มันสามารถเติมพลังชีวิต ให้เราเตรียมพร้อมที่จะสู้กับปัญหาต่าง ๆ ในปี 2554 แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
อาชีพพยาบาลเป็นงานที่ไม่ค่อยได้มีวันหยุด ถ้ามีโอกาสได้กลับไปชาร์จแบตให้ตัวเองบ้าง ก็ถือเป็นสิ่งที่เราได้มอบรางวัลที่มีค่าที่สุดให้ตัวเองแล้ว นอกจากนี้สิ่งที่พิเศษสำหรับปีนี้คือการรู้จักฝึกฝนตัวเองทำในสิ่งไม่เคยทำให้ด้วยการถักผ้าพันคอที่เพิ่งไปเรียนมาเพื่อมอบให้คุณแม่ เพราะเห็นว่าอากาศที่ต่างจังหวัดหนาวแล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขแล้ว
ทั้งหมดคือตัวอย่างของการให้รางวัลกับตัวเองในหลากหลายแนวคิด โดยมีจุดมุ่งหมายเหมือนกันคือเพื่อเสริมสร้างพลังกายพลังใจให้ตัวเองในการต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ในภายภาคหน้า
แล้วคุณล่ะ…ให้รางวัลกับตัวเองบ้างหรือยัง?.
ของขวัญปีใหม่ ‘สุขใจผู้ให้-ถูกใจผู้รับ‘
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update : 04-01-54
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร