ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เสี่ยงไวรัสตับอักเสบซี

ที่มา : www.nationtv.tv


ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เสี่ยงไวรัสตับอังเสบซี thaihealth


แฟ้มภาพ


ใช้ของร่วมกันกับผู้อื่นมีความเสี่ยงไวรัสตับอังเสบซี เผยคนไทยป่วยโรคไวรัสตับอักเสบซีเกือบ 1 ล้านคน แม้ค่ายาเบิกได้ฟรี เผยยากินตัวใหม่ค่ายาเดือนละกว่า 1 แสนบาทยังเบิกไม่ได้ ใช้ของร่วมกันกับผู้อื่นมีความเสี่ยง


ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มีเสวนาโครงการเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระผู้ให้ "รู้ทันไวรัสตับอักเสบซี" เนื่องในวันตับอักเสบโลก (World Hepatitis Day 2016 ) ซึ่งตรงกับวันที่ 28 ก.ค. ของทุกปีโดย ผศ.ดร.นพ.ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคตับและปลูกถ่ายตับ กล่าวว่า โรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสตับอักเสบบีและซี การดื่มแอลกอฮอล์มาก และมีไขมันพอกตับ คนไทยป่วยด้วยโรคไวรัสตับอักเสบซีประมาณ 2% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ หรือประมาณเกือบ 1 ล้านคน ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ยังไม่ทราบว่าตนเองมีเชื้อไวรัสซ่อนอยู่ แม้การรักษาด้วยยามาตรฐานเดิม คือ ยาฉีดอินเตอร์เฟียรอน ร่วมกับ ยากินไรบาวิริน จะทำให้มีโอกาสหาย 50% และค่ายาสามารถเบิกได้ฟรีในระบบประกันสุขภาพ แต่มีผู้ป่วยกว่า 80% หรือมากกว่า 600,000 คนยังเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาล


"ยาตัวใหม่เพิ่งเข้าประเทศไทยเมื่อช่วยเดือน เม.ย. คือยากิน โซฟอสบูเวีย และดาคลาตาเวีย บางรายรักษาด้วยการกินยาสองชนิดทุกวัน เป็นเวลา 3 เดือน แต่บางรายต้องกิน 6 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นมีภาวะตับแข็งมากน้อยแค่ไหน ค่ายาต่อเดือนก็มีราคาประมาณ 128,100 บาท ซึ่งจะสามารถทำให้โรคหายได้ 90 % – 100% โดยใช้เวลารักษาสั้นกว่ายาตัวเดิมและมีภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า แต่ยังไม่สามารถเบิกค่ายาตัวนี้ได้ในระบบประกันสุภาพแต่หากสามารถจ่ายเองได้ก็ควรรีบรับการรักษาเนื่องจากเป็นวิธีที่หายเร็ว และในอนาคตกำลังจะมีการพัฒนาให้ยาสิงชนิดนี้อยู่ในเม็ดเดียวกันเพื่อความสะดวกในการใช้ยาอีกด้วย"  ผศ.ดร.นพ.ปิยะวัฒน์. กล่าว


พญ.เกศรินทร์ ถานะภิรมย์ แพทย์ประจำศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคตับและปลูกถ่ายตับ กล่าวว่า ไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่จะเกิดจากเคยได้รับเลือดจากผู้อื่น โดยเฉพาะก่อนช่วง พ.ศ.2535 เนื่องจากอาจจะยังมีการตรวจคัดกรองเลือดที่ไม่ดีนัก หรือการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจากการใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น การใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน ที่โกนหนวด ร่วมกับผู้อื่น และการรับเชื้อจากแม่สู่ลูก ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่สามารถป้องกันได้ สำหรับการตรวจวินิจฉัยว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่ ทำได้โดยการตรวจเลือด หากมีแพทย์จะตรวจว่ามีอาการตับแข็งด้วยหรือไม่แล้วต้องรับการรักษาโดยการกินยา ไม่ควรดื่มเหล้าปกป้องการเสี่ยงเป็นตับแข็ง เนื่องจากคนที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจะเสี่ยงเป็นตับแข็งมากกว่าผู้อื่น ควรพยามลดไขมันเพื่อไม่ให้มีไขมันพอกตับ ไม่ควรกินยาสมุนไพร เมื่อกินยารักษาจนหายก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับ จึงควรเข้าตรวจคัดกรองด้วย"


 

Shares:
QR Code :
QR Code