“โฮม โมเดล” หลากมุมมองก็สร้างสุขได้นะ

แม้ขึ้นชื่อว่าสุข แต่ก็เชื่อว่าสุขนั้นมี “หลายแบบ” ยิ่งความสุขใน “มนุษย์” ด้วยแล้ว จะให้เหมือนหรือสร้างเป็นแพทเทิร์นแบบเดียวกัน…คงจะเป็นไปคงไม่ได้อย่างแน่นอน!!

ในงาน “สานงาน เสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยน่าอยู่” ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) รวบรวมความสำเร็จของเหล่าภาคีมาเผยแพร่ให้สังคมไทยได้ทราบ ณ ไบเทค บางนา เมื่อเร็วๆ นี้นั้น

เสวนาในหัวข้อเล็กๆ วงหนึ่ง ที่นำเสนอเรื่องราวแนวทางพัฒนาองค์กรแห่งความสุข หรือ happy model ของทีวี ไดเร็ค (tv direct) ธุรกิจขายตรงมีชื่อในประเทศไทย ทำให้คนไทยรับรู้ว่าแฮปปี้ โมเดล ยังมีอีกหนึ่งองค์ความรู้ช่วยเสริมความสุขให้เหล่าคนทำงานได้เหมือนกัน แม้จะมีวัฒนธรรมองค์กรที่ต่างกันสุดขั้ว ซึ่งองค์ความรู้ที่ว่าคือ “โฮม โมเดล (home model) : ความสุขหลากมุมมอง” จากโครงการถอดรหัส 100 องค์กรแห่งความสุข ภายใต้แผนงานสุขภาวะ องค์กรภาคเอกชน

ผศ.ดร.จุฑามาศ แก้วพิจิตร รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) 1 ใน 3 ผู้ทำการวิจัยโฮม โมเดล เล่าสู่กันฟังด้วยท่าทีสบายๆ ว่า การศึกษาที่ทำขึ้นเป็นไปเพื่อสังเคราะห์โมเดลการสร้างความสุขในที่ทำงาน ด้วยการมองวิธีการสร้างความสุขในมิติต่างๆ ทั้งระดับองค์การ ระดับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และระดับปัจเจกชน จนเข้าใจลักษณะและแนวทางการสร้างความสุขในที่ทำงานหวังให้บรรยากาศในที่ทำงานที่เป็นเสมือนบ้านที่อบอุ่นผ่านตัวการถอดรหัสองค์การชั้นนำตัวอย่าง 103 องค์การ

จากการพูดคุยเพิ่มเติมและศึกษาผลวิจัยที่ทางคณะทำงานถอดบทเรียนออกมาเป็นหนังสือพบว่า ปัจจัยพื้นฐานขององค์กรแห่งความสุขโดยมีความรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้าน หรือ home model ที่ศึกษาโดย ผศ.ดร.สมบัติ กุสุมาวลี ประกอบด้วย 3 โมเดลย่อย 1.องค์การแห่งความสุข (happy organization) 2.การจัดการความสุข (happy mangement) 3.พนักงานที่มีความสุข (happy employee)

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยแห่งการดำรงชีพ (เงิน+ความมั่นคง+สวัสดิการ) ปัจจัยแห่งความภาคภูมิใจขององค์กร ปัจจัยความมีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจและความรู้สึกของความเป็นครอบครัว พี่-น้อง และทีม สามารถแบ่งองค์กรแห่งความสุขในประเทศไทยได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ องค์กรสุขสร้างสรรค์ (creative organization) องค์กรสุขเรียบง่าย (simplified organization) และองค์กรสุขยั่งยืน(sustainable organization)

เมื่อทราบว่าเป็นองค์กรประเภทใดแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดการความสุข ที่นำเสนอวิธีการสร้างความสุข โดยเป็นหน้าที่ของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องต้องสร้าง “เป็น อยู่ คือ” หมายถึงพนักงานอยู่ในองค์การด้วยความเป็นตัวตนที่เป็นจริงของพนักงาน รวมถึงส่งเสริมให้พนักงานอยู่อย่างมีคุณค่าด้วยการแสดงศักยภาพของตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานกลายเป็นผลงาน เป็นความหวัง และภาพลักษณ์ที่ดีขององค์การในที่สุด

บรรยากาศในงานเสวนาแนวทางพัฒนาองค์กรแห่งความสุข มีคนให้ความสนใจไม่น้อย

“อย่างไรก็ดี พนักงานที่ถือได้ว่าเป็นปัจเจกบุคคล การสร้างพนักงานที่มีความสุข ต้องให้ความสำคัญต่อพนักงานที่ต้องการสร้างความสุขให้ตัวเอง เพราะส่วนมากแม้องค์กรจะมีวิธีสร้างสุขอย่างมากมาย แต่ถ้าพนักงานหรือลูกจ้างมีความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ ปัญญา และการฝึกฝน ไปในทางลบมากกว่าดีแล้ว เขาก็จะไม่มีความสุขต่อสิ่งต่างๆ ที่บริษัทจัดหาไว้ให้ หรือแม้แต่ความสุขในการดำรงชีพส่วนตน ซึ่งประการหลังนี้กลายเป็นปัญหาให้กับองค์กรใหญ่หลายๆองค์กรของไทย ที่คนทำงานไม่สุขจากตัวเอง หนทางแก้ไขคือหมุนรหัสขจัดทุกข์บำรุงสุขจากโมเดลกุญแจความสุข” ผศ.ดร.จุฑามาศ แจงให้เห็นถึงต้นตอแห่งเหตุที่ทำให้แฮปปี้ โมเดล ประสบความสำเร็จได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา นิด้า ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงโมเดลกุญแจความสุขที่จะช่วยให้เหล่าลูกจ้างมีทัศนคติที่ดีต่อตัวเองและสิ่งต่างๆ รอบตัว ซึ่งเป็นการศึกษาของ รศ.ดร.วิชัย อุตสาหจิต มีทั้งสิ้น 7 รหัส โดยรหัส 1-5 ได้แก่ พื้นฐานความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ ปัญญา การฝึกฝน ลักษณะงาน หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า วัฒนธรรมองค์กร บรรยากาศในที่ทำงาน และรูปแบบการใช้ชีวิต พนักงานต้องไขรหัสความสุขด้วยตนเอง ขณะที่องค์กรสามารถกระตุ้น ส่งเสริม หรืออำนวยให้พนักงานไขรหัสความสุขให้พบง่ายขึ้น ส่วนรหัสที่เหลือคือครอบครัวและสังคม

“จากการศึกษาเรายังพบด้วยว่า องค์กรแห่งความสุขมีคุณลักษณะทั้งเหมือนและแตกต่างกัน ผลจากการศึกษาทำให้เกิดความเข้าใจในรูปแบบขององค์กร บรรยากาศ แนวทางการสร้างสุข ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า วิธีการสร้างความสุขในที่ทำงาน ไม่ได้มีเพียงวิธีเดียวที่จะตอบโจทย์ของการสร้างสุขในที่ทำงาน และความเข้าใจลักษณะที่แตกต่างกันขององค์กร ตลอดจนเข้าใจความต้องการของตนเอง จะนำให้นายจ้างและลูกจ้างไปสู่การเลือกทำงานเลือกรับคนที่เหมาะสมกับองค์กร ทำให้ได้รีบการตอบสนองที่เหมาะสม ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ที่สำคัญคือมีความสุขในตนเอง และเพื่อนร่วมงานก็มีความสุขด้วย” นักวิจัยสาวคนเดิมกล่าว

ด้าน นิพนธ์ สังกลม ผู้จักการแผนกพัฒนา บุคลากร ทีวี ไดเร็ค ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า หากบริษัทรู้ตัวว่าต้องการเป็นองค์กรแห่งความสุขแบบใด การบริหารคนก็จะง่ายขึ้น เพราะมี เป้าหมายชัดเจนว่าจะพัฒนาไปในทิศทางใด

“อย่างทีวี ไดเร็ค เรารู้ตัวมานานแล้วว่าเป็นองกรแห่งความสุขสรังสรรค์เรามีกิจกรรมสร้างความสุขให้พนักงานมาตลอด แต่เมื่อมีหลักแฮปปี้ 8 ขึ้นมา เราก็นามาเสริมมาปรับใช้ ผลทีทได้ก็เห็นชัดเจนจาการวัดค่า kpi จากฝ่าย hr โดยพนักงานลาออกลดลงเหลือเพียง 3% ในปี 2555 จาก 10%  ในปี 2554 นอกจากนี้ ยอดขายในปี 2554-2556 ทะลุเป้า 2554 นอกจากนี้ ยอดขายในปี 2554-2556 ทะลุเป้า 2,200 ล้านที่ตั้งไว้ ตอนวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ยอดรวมก็ไม่ตก และพนักงานก็ไม่มีมายื่นลาออก ส่วนหนึ่งเห็นได้ชัดว่าการบริหารคนแบบดูแลเหมือนครอบครัว ได้ผลดีทุกคนมีความสุข และเกิดความรักในงานที่ทำเกิดความภักดีต่อองค์กร ไม่อยากไปไหน”

ขณะที่ นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวว่า การศึกษาเรื่องโฮม โมเดล เป็นเรื่องดี เพราะทุกวันนี้เรื่อแฮปปี้ เวิร์กเพลส กระจายตัวลงลึกไปทุกองค์กร ไม่ใช่แค่ภาคเอกชน หน่วยงานของรัฐส่วนกลาง หรือ โรงงาน ที่ต้องการเป็นองค์กรแห่งความสุข แต่กลุ่มเอ็นจิโอ กลุ่มปกครองส่วนท้องถิ่นอย่าง อบต. อบจ.แม้แต่โรงเรียน ก็อยากมีความสุขเช่นเดียวกัน”เรื่องแฮปปี้ เวิร์กเพลส กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนถวิลหา เพราะมันจับต้องได้จริงแล้วในวันนี้ และการศึกษาในจุดนี้จะทำให้เรารู้ว่าประเภทของกิจการควรมีหลักแฮปปี้ เวิร์กเพลส เป็นอย่างไรเพื่อก่อเกิดความสุขให้กับคนทำงานได้สูงสุด ซึ่งก็ต้องชาเลนจ์ไปเรื่อยๆ อนาคตอาจมีหลักแห่งความสุขให้กับ sme ให้กับธุรกิจสปา หรือร้านเสริมสวยโดยเฉพาะ ก็ถือว่าเป็นความพอใจในระดับหนึ่งที่เราก้าวมาถึงจุดนี้” นพ.ชาญวิทย์บอกด้วยยิ้มละไม

เมื่อนิยาม “ความสุข” ของคนทำงาน คือ “ความพอใจ” ไม่ใช่ “เงินเดือน” อีกต่อไป …จึงถึงเวลาที่แต่ละองค์กร บริษัท หน่วยงาน จะหันมาศึกษาตัวตนว่าจะพัฒนาเป็นองค์กรแห่งความสุขในแบบไหน? เพื่อจะได้สุขแบบวิน-วิน ทั้งนาย และ ลูกน้อง

ผศ.ดร.จุฑามาศ แก้วพิจิตร ฟันธงถ้ารู้ตัวเร็วว่าเป็นโฮม โมเดลแบบใด

ก็จะยิ่งช่วยให้พนักงานมีความสุขได้เร็วขึ้นเท่านั้น!!

 

นิพนธ์ สังกลม ผู้จัดการแผนกพัฒนาบุคลากร ทีวี ไดเร็ค(กลาง) และทีมงานฝ่าย hr

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code