โลกทำสงคราม…โรค ‘เอ็นซีดี’
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ภาพประกอบจาก สสส.
การประชุมคู่ขนานหัวข้อ "ระบบการเรียนรู้อย่างชาญฉลาด และขีดความสามารถขององค์กรต่าง ๆ ในการตอบสนองต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Intelligence Systems and Institutional Capacities in Response to NCDs)"
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมการประชุมคู่ขนานหัวข้อ "ระบบการเรียนรู้อย่างชาญฉลาด และขีดความสามารถขององค์กรต่าง ๆ ในการตอบสนองต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Intelligence Systems and Institutional Capacities in Response to NCDs)" ภายในการประชุมนานาชาติรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2562 (PMAC 2019) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เมื่อเร็ว ๆ นี้
ศ.เทเรซา มาร์ทอ จากมหาวิทยาลัย เคมบริดจ์ และ ศ.คาเรน แกลนซ์ จากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐ อเมริกา ได้ร่วมกันบรรยายในการประชุมคู่ขนาน หัวข้อ "การจัดการปัจจัยทางพฤติกรรมที่กำหนดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง : การเสริมขีดความสามารถ หรือการตำหนิกล่าวโทษ?" (Addressing the Behavioral Determinants of NCDs: Empowering or VictimBlaming?) ถึงความซับซ้อนของสาเหตุของโรคไม่ติดต่อ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพหลักของประชากรทั่วโลกในปัจจุบันนี้ โดยเน้นในการชี้ถึงปัจจัยทางพฤติกรรมและวิถีชีวิต โดยเฉพาะใน 4 พฤติกรรมเสี่ยงหลัก อันได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การกินอาหารไม่เหมาะสม และการขาดกิจกรรมทางกาย รวมทั้งแสดงถึงองค์ความรู้ของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในด้านการเพิ่มการรอบรู้ทางสุขภาพของบุคคล ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และการใช้เพื่อดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัวและชุมชน ขณะเดียวกันควรพึงรู้เท่าทันการโฆษณาชวนเชื่อของสินค้าทำลายสุขภาพด้วยกระบวนการเหล่านี้ต้องดำเนินไปตลอดในทุกช่วงวัยของชีวิต และได้ชี้ถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการปรับพฤติกรรมของผู้คน เช่น การใช้ "การผลัก" (nudge) ในการจูงใจให้คนเลือกทางเลือกสุขภาพโดยผ่านช่องทางเลือกที่สะดวกกว่า
ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมอภิปรายถึงบทเรียนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในสังคมไทยว่า ต้องใช้ความเข้าใจมิติทางสังคมวัฒนธรรมไทยร่วมกับกระบวนการตลาดเพื่อสังคมและการรณรงค์ในระดับปฏิบัติ ควบคู่กับการผลักดันนโยบายที่ควบคุมสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน ตัวอย่างเช่น "งดเหล้าเข้าพรรษา" ได้ใช้รากวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาสร้างกระแสหลักตลอดช่วงเข้าพรรษา หรือ "ให้เหล้าเท่ากับแช่ง" ที่ใช้ค่านิยมเรื่องวันมงคลแบบไทย ๆ ต่อต้านการให้เหล้าเป็นของขวัญ
"แต่ทั้งหมดไม่ได้ให้ผลตามลำพัง ในข้อมูลข่าวสารที่สื่อสารออกไป ควรสอดคล้องกับวัฒนธรรมของสังคม สสส.ใช้วิธีทันสมัยของการตลาดเพื่อสังคมในการสื่อสารรูปแบบเดียวการตลาดที่ใช้ขายสินค้า มาขายข้อมูลข่าวสารสุขภาพ รวมทั้งใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยมุ่งสร้างกระแสในสังคมในเรื่องนั้น เช่น เรื่องเหล้า ตัวอย่างทำให้เกิด พ.ร.บ.ควบคุมแอลกอฮอล์ฉบับแรกของประเทศ พ.ศ. 2551 สร้างกติกาไปเปลี่ยนสังคมสิ่งแวดล้อมอีกที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนสถานที่ห้ามดื่มห้ามขายอายุขั้นต่ำ สสส. พยายามเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเพื่อทำให้คนไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ยกตัวอย่างเช่น การต่อต้านการสูบบุหรี่ แต่ไม่เคยต่อต้านคนสูบบุหรี่ หรือคิดว่าคนสูบบุหรี่เป็นคนเลว" ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุ
…การทำงานของ สสส.ทำงานภายใต้องค์ความรู้หลักสากล และจะทำงานด้านเสริมพลังให้ชัดขึ้นในกลุ่มคนสูบบุหรี่เพื่อเปลี่ยน แปลงพฤติกรรม …
ด้าน น.ส.นิชยา โซโลมอน ผู้บริหารระดับสูง หน่วยนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ผู้เข้าร่วมประชุม บอกเล่าว่า ในรัฐวิกตอเรียได้ใช้นวัตกรรม "Victoria's Citizens' Jury on Obesity" ช่วยแก้ปัญหาผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินโดยให้พลเมืองในรัฐวิกตอเรีย วันละ 100 คน ตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาเรื่องอาหารการกินที่ส่งผลต่อน้ำหนักตัว แต่จะสุ่มเลือกผู้เข้าร่วม 78 คน ที่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมหน้างานแบบตัวต่อตัว เพื่อตอบคำถาม 20 ข้อเกี่ยวกับแนวทางการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และลดอาหารประเภทจานด่วน เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ความเข้าใจในการเลือกทานอาหารที่เป็นประโชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งความคิดเห็นทั้งหมดที่ได้มาจะถูกนำไปเสนอต่อภาคอุตสาหกรรมผลิตอาหาร รัฐบาล และชุมชน
"ส่วนตัวมองว่า ตัวอย่างผลงานของ สสส.ประเทศไทย มุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนให้มีสุขภาวะ เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก"
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประชากรไทยเสียชีวิตร้อยละ 75 ของการเสียชีวิตทั้งหมด หรือประมาณ 320,000 คนต่อปี โดยในทุก 1 ชั่วโมงจะมีผู้เสียชีวิต 37 ราย โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลักคือ เหล้า บุหรี่ อาหารรสจัดหวานมันเค็ม และขาดการมีกิจกรรมทางกาย