โรงเรียนเติมฝันของคนทำนา ‘ตำบลศิลาเพชร’
ถึงแม้สภาพเศรษฐกิจและสังคมจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่สังคมชาวนายังคงอยู่และทำหน้าที่การผลิตข้าว เป็นอาหาร เป็นสินค้าส่งออกของไทยแม้จะต้องเผชิญปัญหาทั้งด้านต้นทุนที่สูงขึ้น ขายข้าวไม่ได้ราคา หรือแม้กระทั่งปัญหาภัยธรรมชาติที่ทำให้ผลผลิตเสียหาย แต่ความเหนียวแน่นของชาวนากับแปลงนาที่หวงแหนยังอยู่เช่นเดิม
“ข้าว” ถือว่ามีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ เป็นทั้งอาหารหลักและพืชเศรษฐกิจ และยังเป็นแหล่งสร้างงานสร้างอาชีพให้ชาวนาจำนวนมาก นอกเหนือไปกว่านั้นข้าวยังเป็นแหล่งกำเนิดทางวัฒนธรรมประเพณีของคนไทยมาอย่างยาวนาน ข้าวจึงเปรียบเสมือนเป็นพืชคู่บ้านคู่เมืองของคนไทย และชาวนาก็เปรียบดังกระดูกสันหลังของชาติ
“เพื่อเป็นการสืบทอดอาชีพอันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ “ศูนย์เรียนรู้โรงเรียนชาวนา” ตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่าน จึงได้เกิดขึ้นในปี 2553 เพื่อทำหน้าที่สืบสานอาชีพ พิธีกรรมและวัฒนธรรมการทำนา อย่างยั่งยืนด้วยการเป็นแหล่งเรียนรู้ ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นให้แก่นักเรียน ชุมชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป”
โดยผู้ใหญ่สนิท ปัญญาวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนชาวนา เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก ในการก่อตั้งศูนย์เรียนรู้โรงเรียนชาวนา โดยยึดหลักแนวคิดในการเปิดให้มีการเรียนการสอนเชิงปฏิบัติการ ในเรื่องการปลูกข้าวอินทรีย์ การผลิตผักปลอดสารพิษให้แก่กลุ่มนักเรียน เยาวชน และบุคคลทั่วไปที่สนใจ โดยดำเนินการสอนตามขั้นตอนของการทำนาข้าวของชาวนาในท้องถิ่นตำบลศิลาเพชร เรียนรู้กับภูมิปัญญาท้องถิ่นตามวิถีของชุมชน
ผู้ใหญ่สนิท ปัญญาวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนชาวนา วัย 53 ปี เล่าให้ฟังว่า อาชีพการทำนามีความสำคัญกับประเทศไทยอย่างมาก เพราะการทำนาปลูกข้าวของชาวนาไทยเป็นทั้งวิถีชีวิต ทั้งวัฒนธรรม จิตวิญญาณและยังเป็นความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยและให้ความสำคัญกับการปลูกข้าวอย่างมากด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีความห่วงใยในเรื่องข้าวและชาวนาไทยมาโดยตลอด อีกทั้งตนต้องการให้ถ่ายทอดองค์ความรู้การทำนาของบรรพบุรุษ เกิดการเรียนรู้เป็นขั้นเป็นตอนสู่เยาวชน เอื้อให้เยาวชนก่อเกิดความผูกพันรักแผ่นดินเกิด เกิดเจตคติที่ดีต่ออาชีพทำนา และประยุกต์องค์ความรู้ให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันหันมาปลูกข้าวเพื่อชีวิต และการพลิกฟื้นฟูดินเพื่ออนุรักษ์ดินและสิ่งแวดล้อม ปลูกผักที่ปลอดภัยเพื่อสุขภาพ ปลอดสารเคมี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง
โรงเรียนชาวนาบ้านนาคำ เน้นให้เยาวชนรู้จักการดำเนินชีวิตแบบพอประมาณ อย่างมีความสุขตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสืบทอดวัฒนธรรม อาชีพ ประเพณีและภูมิปัญญาของท้องถิ่นไม่ให้สูญหาย โดยได้รับความร่วมมือจากครูโรงเรียน ศรัทธาศิลาเพชรรังสรรค์นำนักเรียน ระดับชั้น ม.5 – ม.6 มาเรียนรู้การทำนาทุกวันอังคาร และวันพฤหัส ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง ในพื้นที่ของโรงเรียนชาวนา
ซึ่ง “เป้าหมายสูงสุดของการจัดตั้งโรงเรียนชาวนาบ้านนาคำ คือ ต้องการปลูกฝังทัศนคติของเยาวชนให้มีความรู้สึกรักชาวนา รักข้าว ภาคภูมิใจในอาชีพการทำนา และเห็นคุณค่าของข้าวแต่เมล็ด นอกเหนือสิ่งอื่นใดคือต้องการจะเพิ่มความรู้และประสบการณ์เรื่องของข้าวให้คนไทยทั้งชาติได้ทราบว่าการปลูกข้าววิธีการที่ถูกต้องทำอย่างไร มีความยากลำบากอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เยาวชนทั้งหลายที่จะกลายเป็นยุวชาวนาในอนาคต มีทัศนคติที่ดีต่อชาวนา ต่อข้าวของประเทศไทย และสืบทอดอาชีพการทำนาของบรรพบุรุษสืบไป”
ผู้ใหญ่สนิท เปิดเผยว่าหลักสูตรของโรงเรียนชาวนาที่นักเรียนได้เรียนรู้ จะมีตั้งแต่การคัดพันธุ์ การเตรียมดิน เพาะกล้า การปักดำนา ประเพณีวัฒนธรรมประเพณีหลังทำนา พิธีกรรมสู่ขวัญควายพิธีกรรมสืบชะตาข้าวการศึกษาพฤกษศาสตร์ข้าวในนาการเจริญของต้นข้าว ระบบนิเวศในแปลงนา ตรวจสอบเกี่ยวกับโรคข้าว แมลงศัตรูข้าว สัตว์ศัตรูข้าว ศัตรูธรรมชาติ วัชพืชในนาข้าว และประโยชน์จากสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนในช่วงการเก็บเกี่ยวข้าว การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าว สำรวจตรวจสอบ จะมีการอธิบายขั้นตอนการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าว การตรวจสอบข้าวปน และ การเก็บเมล็ดพันธุ์
“สิ่งที่ชาวนาต้องการคือ ความรู้ เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เขาขาด โดยเฉพาะองค์ความรู้ในเรื่องของการผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี เพื่อให้ชาวนาสามารถพึ่งพาตนเองได้ เพราะการมีเมล็ดพันธุ์ที่ดี ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่เกษตรกรเอง หากเกิดน้ำท่วมเขาอาจจะเลือกพันธุ์ข้าวที่ทนน้ำปลูก หรือ หากมีปัญหาภัยแล้งก็มีทางเลือกที่จะใช้พันธุ์ข้าวที่ทนแล้งได้” ผู้ใหญ่สนิทกล่าว
ปัจจุบัน โรงเรียนชาวนาแห่งนี้ ได้เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน อาทิ พื้นที่ทำนา พื้นที่ปลูกผักสวนครัว พื้นที่บ่อเลี้ยงปลา พื้นที่สร้างที่อยู่อาศัย นี่คือวิถีข้าว วิถีพอเพียงด้วยการบูรณาการองค์ความรู้ ผสมผสานระหว่างวิชาศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การเกษตร ฟิสิกส์ และคุณธรรมจริยธรรมเริ่มต้นด้วยการสู่ขวัญข้าวและสู่ขวัญควายที่ทำพิธีโดยปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นการขอขมาและขอบคุณแม่โพสพหรือเทพีแห่งข้าว และเป็นการเตือนสติให้คนมีความกตัญญูกตเวทีรำลึกถึงบุญคุณของผู้ที่ได้ช่วยเหลือคน อย่างเช่น ควายที่ใช้ไถนา
กล่าวได้ว่าการดำเนินงานโรงเรียนชาวนาของตำบลศิลาเพชรได้มุ่งหวังให้ชาวนาได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดพึ่งพาตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเมล็ดพันธุ์ซึ่งถือเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ และถือเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูงในการทำนา ดังนั้นนักเรียน เยาวชนและประชาชนทั่วไป ที่จบหลักสูตรจะทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังเกษตรกรในชุมชน เพื่อให้สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีไว้ใช้เอง ลดการพึ่งพาเมล็ดพันธุ์จากพ่อค้าเพื่อประโยชน์กับชุมชนและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชาวนาได้ต่อไปในอนาคต
แม้ตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่านจะเข้าร่วมโครงการวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่นร่วมขับเคลื่อนเครือข่ายตำบลน่าอยู่กับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ไม่นาน แต่ก็สามารถมองเห็นความพยายามในการก่อร่างสร้างตัวของความเป็นตำบลสุขภาวะที่ค่อยๆ มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา : หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย