โรคอะโครเมกาลี พบเร็ว-รักษาเร็วยิ่งดี
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
แฟ้มภาพ
โรคอะโครเมกาลี เป็นกลุ่มอาการของ โรคที่เกิดจากภาวะที่มีระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตในเลือดสูงเกินปกติ สาเหตุของโรคมักเกิดจากเนื้องอกเป็นหลัก ซึ่งร้อยละ 90 เกิดที่บริเวณต่อมใต้สมอง
จากการศึกษาพบว่า ในจำนวนประชากร 1 ล้านคน จะพบผู้ป่วยโรค อะโครเมกาลี จำนวน 8 คน
ผศ.รัชนีวรรณ ขวัญเจริญ ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวว่า อาการของโรค แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ อาการของโรคซึ่งเกิดจากภาวะที่มีฮอร์โมนเกิน และอีกส่วนหนึ่ง ก็จะเป็นอาการที่เกิดจากเนื้องอกไปกดเบียดอวัยวะข้างเคียง
อาการที่สังเกตได้ ซึ่งเกิดจากภาวะที่มีฮอร์โมนมากเกิน คือ มือ เท้าใหญ่กว่าปกติ ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนไซซ์แหวนและไซซ์รองเท้า, มีใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป จมูกใหญ่ ริมฝีปากหนาขึ้น ผิวหนังหน้าหยาบขึ้น หน้ามัน หนังศีรษะอาจมีลักษณะที่เป็นลอนเพิ่มขึ้น
อวัยวะภายในก็มีการโตขึ้นเช่นกัน เช่น อาจจะมีหัวใจโต ความดันโลหิตสูง มีโรคเบาหวานที่ควบคุมได้ยาก หรืออาจทำให้เกิดโรคมะเร็งบางอย่างเพิ่มขึ้นได้มากกว่าประชากรปกติ เช่น มะเร็งลำไส้
อาการอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากเนื้องอกไปกดเบียด อวัยวะข้างเคียง คือเนื้องอกส่วนใหญ่ ซึ่งมักเกิดที่บริเวณต่อมใต้สมองไปกดเบียดอวัยวะสำคัญที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้น ได้แก่ เส้นประสาทตาเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกตา คนไข้บางส่วนจึงอาจ จะมาด้วยอาการมองเห็นที่ผิดปกติ, ลานสายตาแคบลง, การกรอกตาที่ผิดปกติ, การมองเห็นภาพซ้อน, การปวดศีรษะ
ผศ.รัชนีวรรณ กล่าวต่อว่า การรักษาในปัจจุบัน ก็มีเป้าหมายเพื่อควบคุม ระดับฮอร์โมนในเลือด ให้ใกล้เคียงระดับปกติมากที่สุด 'การผ่าตัด' เป็นการรักษามาตรฐานเพื่อที่จะเอาเนื้องอกออกไปให้ได้มากที่สุด, 'การฉายแสง' และ 'การให้ยา' เป็นการรักษาขั้นถัดไป เพื่อช่วยลดระดับของฮอร์โมนในเลือดและช่วยลดขนาดของก้อนเนื้องอกได้
ปัจจุบันโรคอะโครเมกาลี ถูกบรรจุอยู่ในกลุ่มโรคที่สามารถใช้สิทธิ์รักษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งก็คือ สิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้แล้วเพราะฉะนั้นถ้ามีอาการสงสัยและคิดว่าเราจะเป็นโรคนี้ แนะนำให้ไปพบแพทย์ตามสิทธิ์รักษาได้ถ้าเราปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้การรักษาทำได้ยากขึ้น และไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร โรคก็จะกำเริบรุนแรง ทำให้มีข้อแทรกซ้อน มีความพิการเกิดขึ้นได้มาก
ข้อสำคัญของโรคนี้ก็คือ ตรวจพบให้ได้โดยเร็วที่สุด และรักษาให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะทำให้ระดับฮอร์โมนของผู้ป่วยใกล้เคียง กับคนปกติ เพราะฉะนั้นข้อแทรกซ้อนต่างๆ ก็จะลดลงด้วย