โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง รู้เร็ว รักษาได้ หายขาด
ที่มา : เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นโรคมะเร็งทางโลหิตวิทยาที่พบได้บ่อยติดอันดับ 1 ใน 5 ของโรคมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย โดยสถานการณ์ของโรคในปัจจุบัน พบว่ามีผู้ป่วยใหม่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองปีละกว่า 3,000 ราย หรือเทียบเท่า 8 รายต่อวัน
ศ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย ประธานชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย ประธานคณะทำงานการวิจัยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย (Thai Lymphoma Study Group) กล่าวว่า มะเร็งต่อมน้ำเหลืองปัจจุบันถือว่าเป็นโรคมะเร็งที่สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย และเป็นโรคมะเร็งเพียงไม่กี่ชนิดที่มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ แต่ปัญหาของผู้ป่วยในระยะแรกจะไม่ทราบว่าตนเองเป็น เนื่องจากอาการของโรคจะเหมือนอาการอื่น ๆ ที่พบได้ในภาวะต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อ ภูมิแพ้ เหงื่อออกตอนกลางคืน เป็นไข้ และน้ำหนักลด ดังนั้น จึงควรตรวจ ดูแลสุขภาพตนเอง รวมถึงการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เริ่มต้น จะทำให้วินิจฉัยและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีโอกาสในการหายจากโรคได้มากขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วนั้น ครอบครัวมีส่วนสำคัญในการผลักดันและให้กำลังใจผู้ป่วยระหว่างการรักษา ร่วมกับแพทย์ที่จะให้การรักษาที่ดีที่สุด และมีโอกาสหายมากที่สุด โดยทั่วไปอาการของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมักจะกินเวลานาน และไม่สามารถอธิบายได้จากสาเหตุอื่น แต่อย่างไรก็ตามโรคมะเร็งชนิดนี้สามารถตอบสนองต่อยาเคมีบำบัด และยาแอนตี้บอดี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับโรคมะเร็งชนิดอื่น
สำหรับวิธีการรักษาด้วยนวัตกรรมการรักษาใหม่ ๆ ได้แก่ การใช้เคมีบำบัด การใช้ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ การฉายแสง และการปลูกถ่ายไขกระดูก (สเต็มเซลล์) โดยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แบ่งเป็น 4 ระยะ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะที่ 1 มีโอกาสหายขาดถึงร้อยละ 70-90% ส่วนผู้ป่วยที่รับการรักษาในระยะที่ 2-4 มีโอกาสหายขาด ร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ และในปัจจุบันหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้มีการอนุมัติการ ใช้ยา Monoclonal antibody แก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma : NHL) ชนิด diffused large B-cell lymphoma ซึ่งให้คู่กับยาเคมีบำบัดสูตรมาตรฐาน เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่จะมีโอกาสหายจากโรคมากขึ้น
ทั้งนี้ อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิด นอนฮอดจ์กิน จะสูงขึ้นตามอายุ และปัจจุบันสามารถพบได้ในเด็ก หรือกลุ่มคนอายุน้อยได้มากขึ้นอีกด้วย โดยเพศชายพบบ่อยมากกว่าเพศหญิง สำหรับโรคมะเร็ง ต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin lymphoma หรือ HD) จะพบบ่อยในช่วงอายุ 20-30 ปี โดยในปัจจุบันยังไม่สามารถบอกสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทุกรายได้อย่างชัดเจน แต่พบมีความสัมพันธ์กับหลายภาวะ ได้แก่ อายุที่เพิ่มขึ้น สูงสุดอยู่ที่ช่วงอายุ 60- 70 ปี, เพศชายพบมากกว่าเพศหญิง, พบความสัมพันธ์ระหว่างโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิดกับการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร การติด เชื้อไวรัส EBV (Epstein-Barr Virus), พบการอุบัติของโรคเพิ่มขึ้นในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี และโรคภูมิแพ้ตนเอง หรือโรคเอสแอลอี และการสัมผัสสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง
ศ.นพ.ธานินทร์ กล่าวว่า สภาวะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจึงถือเป็นอุบัติการณ์ของโรคที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก ซึ่งตรวจพบผู้ป่วยใหม่ถึงปีละ 80,000 ราย จึงยกให้วันที่ 15 ก.ย. ของทุกปี ตรงกับ "วันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโลก" ในปีนี้ชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย และโรงเรียนแพทย์และสถานพยาบาลที่สำคัญของประเทศ รวม 13 แห่ง จึงได้จัดกิจกรรม "ปาฏิหาริย์-เปลี่ยนมะเร็ง-ให้เป็นสุข : MIRACLE is all around – Fight to Lymphoma" ครั้งที่ 5 ขึ้น ในวันที่ 16 กันยายน 2561 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ภายในงานจะได้พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา เกี่ยวกับแนวทางการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในปัจจุบัน และไขทุกข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้คนไข้โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทุกคน มีคุณภาพชีวิต และแรงบันดาลใจที่ดี เพื่อที่จะก้าวข้ามผ่านโรคร้ายไปให้ได้