โรคนิ้วล็อค

ที่มา : หนังสือมือป่วยได้ ถ้าใช้มากเกิน โดยศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


โรคนิ้วล็อค thaihealth


แฟ้มภาพ


                เป็นโรคทางมือที่เกิดจากการกํามือแน่น งอนิ้วมือนานหรือซ้ำๆ ทําให้เส้นเอ็นและปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่ฝ่ามือมีแรงกระทําต่อกันมากจนเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเส้นเอ็นหนาตัวขึ้น มักพบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุที่ใช้มือทําากิจกรรมหยิบจับสิ่งของอยู่ตลอดเวลา เช่น หิ้วของหนัก บิดผ้าด้วยมือเปล่าจํานวนมากๆ หรือผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน โรคในกลุ่มรูมาตอยด์ เป็นต้น แต่เป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาให้หายได้ ถ้าดูแลตนเองอย่างถูกวิธี


**ผู้หญิงเป็นโรคนิ้วล็อคมากกว่าผู้ชาย 2-6 เท่า ช่วงอายุที่พบมากที่สุดคือ อายุ 50-60 ปีและผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นโรคนิ้วล็อคมากกว่าคนปกติถึง 4 เท่า! โดยร้อยละ 4 เป็นมากกว่าหนึ่งนิ้ว


ลักษณะอาการ


                เป็นภาวะที่นิ้วมือล็อคติดอยู่ในท่างอ เวลาเหยียดนิ้วจะติดขัดและสะดุด อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกนิ้ว และเกิดพร้อมกันได้หลายนิ้ว ส่วนใหญ่พบในนิ้วหัวแม่มือมากที่สุด รองลงมาคือ นิ้วนาง นิ้วกลาง นิ้วก้อย และนิ้วชี้ ตามลําดับ และผู้ป่วยมักมีอาการนิ้วล็อคมากขึ้นในช่วงหลังตื่นนอน โดยเฉพาะตอนที่เริ่มขยับนิ้วงอเหยียด จะมีอาการปวดจากการสะดุดล็อคของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเส้นเอ็น แต่พองอเหยียดไปสักระยะหนึ่งอาการก็จะดีขึ้นลักษณะอาการ


ปวดนิ้วล็อคของคุณอยู่ระดับไหน อาการของโรคนิ้วล็อคมีอยู่ 4 ระดับ ได้แก่


ระดับหนึ่ง ปวดและกดเจ็บที่ปลอกหุ้มเส้นเอ็นตําแหน่งฝ่ามือ เคยงอเหยียดนิ้วแล้วสะดุด แต่ตรวจร่างกายอาจไม่พบว่าสะดุด


ระดับสอง ตรวจพบการสะดุดเวลางอเหยียดนิ้ว ยังสามารถเหยียดนิ้วเองได้สุด


ระดับสาม นิ้วติดล็อคต้องใช้มือช่วยเหยียด หรืองอจึงจะสุด         


ระดับสี่  นิ้วติดล็อคไม่สามารถเหยียดนิ้วให้สุดได้


ใครสามารถเป็นโรคนี้ได้บ้าง


– คนที่ใช้งานมือซ้ำๆ หรือทํากิจกรรมที่ต้องกํามือแน่นและเกร็งข้อมือ เช่น การทําความสะอาดบ้าน (ซักผ้า, กวาดบ้าน เป็นต้น) ทําครัว ทําสวน การใช้งานโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ตลอดวัน หิ้วของหนักๆ ใช้กรรไกร


– ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคไต โรคของต่อมไทรอยด์ และโรคในกลุ่มรูมาตอยด์ เป็นต้น


ทําอย่างไรให้ห่างไกลโรคทางมือ


1. หลีกเลี่ยงการทํางานโดยการงอข้อมือ กํามือ หรือเกร็งข้อมือติดต่อกันนานๆ โดยควรหยุดพักการใช้งานมือทุก 15-25 นาทีใน 1 ชั่วโมง


2.  ฝึกการใช้มือที่ถูกต้อง เช่น


– การเขียนหนังสือ ควรใช้ปากกาด้ามใหญ่และหมึกไหลลื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วจับปากกาแรงและกดกระดาษแรง


– การใช้เมาส์คอมพิวเตอร์ ควรหาแผ่นรองเมาส์ ที่มีส่วนรองรับข้อมือ


– การใช้แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ ควรพยายามยกข้อมือให้อยู่ระดับข้อศอก หรือต่ำกว่าข้อศอกเล็กน้อย เป็นต้น


3.  ควบคุมน้ำหนักตัวและโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่


4.  ผ่อนคลายอิริยาบถด้วยการบริหารมือและข้อมือ


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code