โจ๋ 70% ขอกฎเหล็กคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา
วัยโจ๋ 70% ต้องการกฎเหล็กคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา และขอให้ ศธ.ป้องกันบริษัทน้ำเมาทำ csr รุกเข้าหาเยาวชน ขณะที่ 72% เชียร์มหาวิทยาลัยไม่รับสปอนเซอร์ เหตุทำเด็กจดจำ สร้างภาพลักษณ์สินค้า
วานนี้ (27พ.ย.55) เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา กลุ่มนักเรียน นักศึกษา จากเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์รู้ทันแอลกอฮอล์ กว่า 30 คน เข้าพบนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเรียกร้องให้เร่งผลักดันมาตรการควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีผลบังคับใช้ รวมถึงออกประกาศไปยังสถานศึกษา และหน่วยงานใต้สังกัด ไม่ให้ร่วมทำกิจกรรม csr และห้ามรับสปอนเซอร์จากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายธีรภัทร คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่กล่าวว่า ขณะนี้มีร้านเหล้า ผับบาร์รอบสถานศึกษาจำนวนมาก ทั้งที่มีใบอนุญาตและไม่มีใบอนุญาต จึงทำให้การเข้าถึงง่าย ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 7 นาทีก็หาซื้อสุรามาดื่มได้ และผู้ขายเกือบทั้งหมดพร้อมใจขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ทั้งที่ผิดกฎหมาย ส่งผลให้เยาวชนกลายเป็นนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มถึง 260,000 รายต่อปี
“นอกจากนี้เด็กและเยาวชนที่ก่อคดีจนต้องอยู่ในสถานพินิจฯมีมากถึงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพบว่ากว่า 60% ที่ดื่มสุราก่อนก่อเหตุ สอดคล้องกับที่เครือข่ายเยาวชนฯ สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และร้านเหล้ารอบสถานศึกษาจาก 5 พื้นที่ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ระหว่างวันที่ 20–31 ต.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 1,703 ราย อายุ 15 – 25 ปี แบ่งเป็นเพศหญิง 52% และเพศชาย 48% พบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 100% มีประสบการณ์การดื่มหรือเคยเห็นเพื่อนในวัยเดียวกันดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนจุดเริ่มต้นการทดลองดื่มคือ เบียร์ 36% เหล้าปั่น 34% และเหล้าสี 21% ตามลำดับ” นายธีรภัทรกล่าว
ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลดังกล่าวยังชี้ให้เห็นว่า 76% เชื่อว่าถ้ามีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษา จะเป็นแรงจูงใจให้เยาวชนดื่มและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและ 70% ต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการ มาควบคุมดูแลอย่างจริงจัง ซึ่งมาตรการจำกัดการเข้าถึง ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นวิธีป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ที่ได้ผลดีวิธีหนึ่ง ส่วนอีก 67% เชื่อว่าการควบคุม และเข้มงวดกับการขายใกล้สถานศึกษาจะช่วยลดผลกระทบ และลดการเกิดนักดื่มหน้าใหม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเกือบทุกร้านใช้กลยุทธ์ดึงดูดให้เข้าไปใช้บริการ เช่น ใช้ดนตรีเรียกแขก จัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ใช้หญิงสาวคอยบริการ
“หากดูจากผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้พยายามสอนวิธีการดื่มแบบรับผิดชอบผ่านการรณรงค์ต่างๆ โดยใช้องค์กรบังหน้า (นอมินี) ในนามมูลนิธิหรือสถาบันวิชาการที่ธุรกิจน้ำเมาสนับสนุน เป็นต้น โดยกลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่ง มั่นใจว่าเมื่อดื่มไปแล้วจะไม่สามารถรับผิดชอบได้จริง เพราะธุรกิจน้ำเมารู้ว่าแอลกอฮอล์กดสมองส่วนควบคุมความรับผิดชอบ จึงลงทุนรณรงค์เรื่องนี้ ทำให้เยาวชนประมาทตกเป็นเหยื่อตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนเหตุผลที่บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้พยายามสอนวิธีการดื่มอย่างรับผิดชอบนั้น เยาวชนเชื่อว่าเป็นการใช้สถาบันการศึกษา เป็นเครื่องการันตีความรับผิดชอบต่อสังคม การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เด็กจดจำองค์กรและนำไปโฆษณา ทั้งนี้เยาวชนกว่า 72% ยังเห็นด้วยหากสถาบันการศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการมีจุดยืนไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”
ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาสำคัญที่คนส่วนใหญ่มองข้ามคือ การทำการตลาดแฝงของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (csr) ที่มุ่งไปที่เด็กและเยาวชน จัดแคมเปญเข้าสู่มหาวิทยาลัย และมีกิจกรรมภายนอกสถานศึกษา เช่น ชมรมรักกันเตือนกัน การดื่มอย่างรับผิดชอบ หรือกิจกรรม r u 20 (20 ปี ดื่มได้) ซึ่งรับทุนสนับสนุนจากบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ข้ามชาติรายใหญ่ รวมถึงการจัดกิจกรรม alcohol and youth forum ที่เชิญนักศึกษากว่า 300 คน และอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังมาร่วมงาน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการยังไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ต่างจากประเด็นบุหรี่ที่กระทรวงได้มีประกาศออกมาชัดเจน ห้ามไม่ให้สถานศึกษารับสปอนเซอร์จากบริษัทบุหรี่
“ในวันนี้เยาวชนจึงมีข้อเสนอกับกระทรวงศึกษาธิการดังต่อไปนี้ 1.ขอให้ทางกระทรวงศึกษาธิการเร่งผลักดันมาตรการควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษากับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีผลบังคับใช้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว 2.ขอให้กระทรวงศึกษาออกประกาศไปยังสถานศึกษาตลอดจนหน่วยงานใต้สังกัด ไม่ให้มีการทำกิจกรรม csr ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดกับสถาบันการศึกษาทั้งในและนอกสถานที่ ตลอดจนห้ามไม่ให้รับสปอนเซอร์ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ 3.ขอให้สถาบันการศึกษาจัดรณรงค์ให้ความรู้ถึงพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง”
ที่มา : เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่