แพทย์แนะ ‘วาเลนไทน์’ มอบผลไม้สีแดงแทนช็อกโกแลต
ที่มา : สยามรัฐ
แฟ้มภาพ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือน ช็อกโกแลตพลังงานสูง หนึ่งแท่งเทียบเท่าข้าวสวย 6 ทัพพี แนะ เลือกผลไม้สีแดงแทนความรักเนื่องในเทศกาลวันวาเลนไทน์ อุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์ ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ ไม่เสี่ยงอ้วน
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วงวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก คู่รักนิยมมอบของขวัญแทนใจให้กันรวมถึงของขวัญให้คนที่เราเคารพรักหรือคนในครอบครัว และสำหรับวันแห่งความรักปีนี้ กรมอนามัยขอแนะนำทางเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้วยการมอบกระเช้าผลไม้สีแดง ซึ่งนอกจากจะมีสีสันที่สื่อถึงความรักแล้วยังอุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมีที่มีคุณประโยชน์มากมาย อาทิ
แอปเปิ้ลแดง มีใยอาหารสูงช่วยในการขับถ่าย ช่วยลดคอเลสเตอรอลมีฟลาโวนอยด์ช่วยต้านอนุมูลอิสสระ
สตอเบอร์รี มีวิตามินซีค่อนข้างมาก มีสารช่วยควบคุมความดันเลือด ชะลอการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ
องุ่นแดงและองุ่นดำ มีสารแอนโทไซยานิน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระลดการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด
ชมพู่ทับทิมจันทร์ มีสารไลโคพีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดปริมาณไขมันในเลือดนอกจากจะเป็นการให้ของขวัญแทนใจแล้วยังเป็นการมอบสุขภาพที่ดีแก่กันอีกด้วย
"สำหรับผู้ที่ยังคงนิยมมอบช็อกโกแลตมอบให้กันในวันวาเลนไทน์นั้นควรเลือกดาร์กช็อกโกแลตซึ่งทำจากโกโก้แมสและโกโก้บัตเตอร์ที่มีโกโก้แมสร้อยละ 70 ขึ้นไป ในดาร์กช็อกโกแลตจะมีฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมาก ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจ ช่วยให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น และยังช่วยลดอาการอุดตันของหลอดเลือดอีกด้วย แต่จะมีราคาจะสูงกว่าช็อคโกแลตทั่วไปและยังคงให้พลังงานสูง ยังคงต้องควบคุมปริมาณการกินควรแบ่งกินเพียงเล็กน้อยส่วนมิลค์ช็อกโกแลตจะกินง่าย อร่อยกว่า เนื่องจากมีเนื้อโกโก้น้อยกว่า และจะมีรสหวานมากกว่า เพราะมีส่วนผสมของนมผงหรือนมข้นด้วย คอมพาวด์ช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตโคตติ้ง (chocolate coating) ช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้ไขมันพืชแทนโกโก้บัตเตอร์ทำให้รสชาติและเนื้อสัมผัสไม่เหมือนช็อกโกแลตที่มีคุณภาพดี ช็อกโกแลตขาว เป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีผงโกโก้เลย จึงเป็นสีขาวและมีไขมันโกโก้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ช็อคโกแลตทุกชนิดหากกินในปริมาณที่มากเกินไปและกินติดต่อกันเป็นประจำก็จะส่งผลให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูงได้ เนื่องจากช็อกโกแลตเป็นอาหารที่ให้ความหวานสูงมาก ประกอบด้วยน้ำตาลซูโครส และฟรุกโตส ถึงร้อยละ 90 และช็อกโกแลต 1 แท่งใหญ่ 100 กรัมให้พลังงานถึง500 กิโลแคลอรี่ หรือเท่ากับข้าวประมาณ6 ทัพพี จึงควรควบคุมปริมาณให้พอเหมาะ เช่น ในหนึ่งวันไม่ควรกินช็อกโกแลตเกินครึ่งแท่ง และต้องออกกำลังกายเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน เพราะช็อกโกแลตครึ่งแท่งต้องออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว 45 นาที หรือว่ายน้ำ 15 นาที จึงจะเผาผลาญพลังงานได้หมด” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว