แพทย์แนะวิธีเลี่ยงสารเคมีรั่วในโรงงาน
ที่มา: กรมการแพทย์
แฟ้มภาพ
กรมการแพทย์ชี้สารเคมีรั่วไหลทำให้มีอาการหลายระดับตั้งแต่ระคายเคืองทางเดินหายใจ ตา มีน้ำมูก น้ำตาไหล แสบตา แสบคอ แน่นหน้าอก ไอ บางรายสูดดมมาก จะมีคลื่นไส้อาเจียน เดินเซ ซึ่งหากเข้าไปในร่างกายปริมาณมากอาจเสียชีวิตได้ แนะควรมีการป้องกันและซ้อมแผนกรณีฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีสารเคมีรั่วไหลภายในบริเวณโรงงานอุตสาหกรรมและมีการเผยแพร่ข่าวเป็นประจำผ่านสื่อต่างๆ ล่าสุดได้เกิดเหตุการณ์สารแอมโมเนียรั่วไหลในโรงน้ำแข็งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากสารเหล่านี้มีการรั่วไหลจำนวนมาก และไม่สามารถระงับเหตุได้ทัน ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่บริเวณโรงงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโรงงานที่อยู่ใกล้กับชุมชน รวมทั้งการมีสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้ผู้ที่ทำงานโรงงานและประชาชนเกิดอันตรายและมีความกลัวหรือกังวล เนื่องจากไม่รู้ว่าสารเคมีมีต่อผลต่อร่างกายอย่างไร ทั้งนี้ สารเคมีทุกชนิดก่อให้เกิดพิษหรือผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น ทำให้ผิวหนังอักเสบ ระคายเคืองทางเดินหายใจ ตับอักเสบ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและระยะเวลาการสัมผัสกับสารเคมีนั้นๆ ซึ่งในสถานที่ทำงานระดับการเป็นพิษของสารเคมี สามารถตรวจวัดได้โดยเครื่องตรวจวัดพิเศษ ทำให้สามารถควบคุมปริมาณสารเคมีในสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้พอเหมาะ การสัมผัสสารเคมีจำนวนมากเพียงครั้งเดียว จะส่งผลต่อร่างกายแบบเฉียบพลัน ถ้าคนที่สัมผัสสามารถหนีออกมาได้ทันและสัมผัสปริมาณไม่มาก จะแค่อาการระคายเคืองเท่านั้น แต่หากสัมผัสสารเคมีปริมาณมากหรือเป็นเวลานานอาจทำให้หมดสติ ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ พนักงานในโรงงานจะต้องทราบเสมอว่าตนเองทำงานกับสารเคมีอะไร และเมื่อเกิดเหตุการณ์จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการฝึกซ้อมเหตุการณ์ฉุกเฉิน กรณีสารเคมีรั่วไหล เพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที
นายแพทย์อดุลย์ บัณฑุกุล รองผู้อำนวยการด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเกิดการรั่วไหลของสารเคมี หากคนทำงานสูดดมเข้าไปในขั้นแรกจะรู้สึกถึงกลิ่นสารเคมีนั้น เมื่อได้กลิ่นจะรู้สึกผิดปกติ ส่วนมากจะวิ่งหนีได้ทัน ยกเว้นก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ไม่มีกลิ่น ซึ่งบางโรงงานจะมีคำแนะนำเรื่องการทำงาน และสารเคมีที่เกี่ยวข้อง ให้แก่คนทำงานเพื่อให้รู้จักหลบหลีก และมีการซ้อมแผนอพยพ เพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าโรงงานที่ไม่มีการซ้อมแผน คนทำงานจะหนีกันคนละทิศละทางทำให้ไปปิดบังทางออก ไม่สามารถออกได้ หรือเบียดกัน จนทำให้หมดสติ สำหรับอาการที่สำคัญเมื่อสูดดมสารเคมีเข้าไปแล้ว จะมีการระคายเคืองทางเดินหายใจ น้ำมูก น้ำตาไหล แสบตา แสบคอ แน่นหน้าอก ไอ หากสูดดมมาก จะมีคลื่นไส้อาเจียน เดินเซ แต่อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะดีขึ้นเมื่อไม่มีการหายใจสารเคมีนั้นเข้าไปอีกส่วนสารเคมีที่ละลายน้ำได้ เช่น กรด ด่าง แอมโมเนีย จะละลายในจมูก คอ หรือทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งมีการหลั่งน้ำออกมา
หล่อลื่นตามปกติอยู่แล้ว และอาจมีการระคายเคืองอย่างมาก ทำให้มีอาการแสบ ไอ แน่นหน้าอก ถ้าหายใจปริมาณมากเป็นเวลานาน จะมีการบวมของหลอดเสียง หรือหลอดลมส่วนต้น ทำให้ปิดทางเดินหายใจ ลมหายใจเข้าไปในปอดไม่ได้ มีอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิต อาการเหล่านี้จะแสดงภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังการหายใจสารเคมีเข้าไป ดังนั้น การถอดเสื้อผ้าหรือล้างตัวเมื่อถูกสารเคมีจะช่วยลดการหายใจเอาสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากสารเคมีที่ติดตามเสื้อผ้า จะทำให้มีการหายใจสารเคมีเข้าสู่ร่างกายแต่ที่น่ากลัวคือสารเคมีที่มีคุณสมบัติไม่ละลายน้ำ เช่น สารฟอสจีน ฟอสฟีน การสูดดมสารเคมีเหล่านี้ จะเข้าไปถึงถุงลมส่วนล่างของปอด ทำปฏิกิริยาภายในถุงลม และมีการหลั่งน้ำออกมามาก ทำให้เกิดปอดบวมน้ำ อาการคล้ายคนเป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลัน หายใจไม่ได้ และเสียชีวิตในที่สุด โดยอาการนี้จะเกิดภายใน 8 ชั่วโมงหลังสูดดมสารเคมีเหล่านี้เข้าไป
อย่างไรก็ตามการรู้ชนิดของสารเคมีที่สูดดมเข้าไปจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษา ในบางครั้งผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือและผู้รักษาพยาบาลนั้นไม่ทราบชนิดของสารเคมี ทำให้ไม่สามารถรักษาพยาบาลได้ถูกต้อง ปัจจุบันเมื่อมีเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลเกิดขึ้น ยังไม่มีศูนย์กลางในการให้ข้อมูลสารเคมี ทำให้ไม่ทราบชนิดของสารเคมี และโรงงานไม่ยอมบอกชนิดของสารเคมีที่รั่วไหล เนื่องจากถือเป็นความลับ ทำให้การรักษาพยาบาลค่อนข้างยาก
ทั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหล สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังตนเองหลังหายใจสารเคมีจำนวนมาก คือ จะต้องแจ้งอาการให้แพทย์ทราบเป็นระยะ ถ้ามีอาการแสบคอ หรือจมูกเกินกว่า 2 วัน มีอาการเดินเซ เวียนศีรษะไม่หาย หรือมีอาการหอบเหนื่อยแต่ที่สำคัญที่สุด คือจะต้องทราบเสมอว่าตนเองทำงานกับสารเคมีอะไร และเมื่อเกิดเหตุการณ์จะต้องรีบหนีให้ทันท่วงที