แพทย์ชี้ “บุหรี่ไม่ใช่สินค้าปกติ” ต้องมีคำเตือนขนาดใหญ่
เด็กไทยติดบุหรี่แล้วกว่าสองล้านคน เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่หนุนมาตรการของรัฐ ในการพิมพ์คำเตือนขนาดใหญ่บนซองบุหรี่ ยืนยันเป็นมาตรการสำคัญเพื่อป้องกันนักสูบหน้าใหม่ เพราะหากติดแล้ว 27% เท่านั้นที่เลิกได้
ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ในฐานะแพทย์และเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ ที่มีสมาชิกนับหมื่นคน ตนมีความเป็นห่วงอนาคตของเด็กไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะมาตรการสำคัญในการป้องกันเด็กจากการเข้าสู่วงจรการเสพติดบุหรี่กำลังถูกท้าทายจากผู้ผลิตบุหรี่ซึ่งได้กำไรมหาศาล จากการขายสินค้าที่ฆ่าลูกค้าของตัวเอง
“ขณะนี้มีเด็กและเยาวชนติดบุหรี่แล้ว 2,200,000 คน และเพิ่มขึ้นปีละ 100,000 คน ซองบุหรี่ต้องบอกความจริงแก่เด็กและเยาวชน ไม่ใช่เป็นตัวล่อเยาวชน ผู้ผลิตบุหรี่อาจบอกว่าขนาดคำเตือนที่เป็น อยู่ก็พอแล้ว แต่ตนคิดว่าคำเตือนบนซองบุหรี่ควรจะเป็นเต็มพื้นที่หรือ 100% ด้วยซ้ำไป เพราะบุหรี่ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม อย่างมหาศาล”
ผศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จ.นครนายก กล่าวว่า บุหรี่มีอำนาจเสพติดสูงมาก คนไทยที่ติดบุหรี่ มีเพียงร้อยละ 27 เท่านั้นที่เลิกบุหรี่ได้ก่อนที่จะป่วย แต่ส่วนใหญ่ที่เหลือ จะติดบุหรี่ไปจนป่วยและตายด้วยโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และโรคหัวใจขาดเลือด โรคเส้นเลือดสมองและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD)อื่นๆ โดยขณะนี้มีคนไทยเสีย ชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ปีละ 50,700 คน หรือวันละ 138 คน โดยแต่ละคนอายุสั้นลงเฉลี่ย 12 ปี และก่อน เสียชีวิตผู้ป่วยเหล่านี้จะป่วยหนัก ทรมาน และสูญเสียคุณภาพชีวิตเป็นเวลาเฉลี่ย 2 ปี ยิ่งกว่านั้นยังต้องสูญเสียเงินอีก มหาศาลไปกับค่ารักษาโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ โดยมีการประมาณการว่าประเทศไทยต้องเสียเงิน ประมาณ 52,200 ล้านบาท หรือ 0.5% ของจีดีพี
นายแพทย์วันชาติ ศุภจัตุรัส นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ และอดีตนายกแพทยสมาคมโลกกล่าวว่า บุหรี่เป็นสินค้าที่ทำกำไรมหาศาลแก่อุตสาหกรรมยาสูบ แต่ก่อความสูญเสียอย่างมหาศาลต่อผู้สูบ ครอบครัว และ ประเทศชาติ รัฐบาลของนานาประเทศทั่วโลกจึงได้ร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกและองค์การสหประชาชาติ ในการ ออกนโยบายและกฎหมาย ที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคต่างๆ ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (NCD) ที่บั่นทอนสุขภาพของประชาชน แต่ขณะนี้บริษัทบุหรี่กำลังท้าทายต่อกฎหมายของไทย ที่รัฐบาลมุ่งจะปกป้อง สุขภาพของประชาชน หากประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องเพิ่มคำเตือนบนซองบุหรี่เป็น 85% ถูกยกเลิก ตนเชื่อว่า ความเสียหายต่อสุขภาพและต่อเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น จะส่งผลไม่เฉพาะต่อประเทศไทยและเด็กไทยเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก เพราะจะทำให้หลายประเทศไม่สามารถออกกฎหมายที่เข้มแข็งเช่นนี้ได้ ซึ่งนั่นน่าจะเป็น เป้าหมายสำคัญของบริษัทบุหรี่ในการฟ้องกระทรวงสาธารณสุขไทยในครั้งนี้
คุณส่องแสง ธรรมศักดิ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ กล่าวว่า จากสถิติของผู้ที่โทรเข้ามาขอคำปรึกษาในการเลิกบุหรี่ทาง Quitline 1600 พบว่าผู้ที่โทรเข้ามาจำนวนมากตื่นตัวจากการได้เห็นภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ดังนั้นตนเชื่อว่าการเพิ่มขนาดคำเตือนบนซองบุหรี่ให้ใหญ่ขึ้น จะยิ่งส่งผลให้ผู้สูบบุหรี่รับรู้ถึง อันตรายของการสูบบุหรี่และอยากเลิกสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข