แบล็กลิสต์ “แรงงานเถื่อน”ห้ามกลับมาทำงาน 2 ปี
ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการ
กรมจัดหางาน เผย 3 วัน ตรวจสอบ “แรงงานต่างด้าวเถื่อน” หลังพ้นกำหนดขึ้นทะเบียน พบนายจ้างทำผิด 26 ราย เจอต่างด้าวผิดกฎหมาย 118 คน พบเป็นพม่าสูงสุด 94 คน จับปรับพร้อมส่งออกนอกประเทศ ขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามกลับมาทำงานใน 2 ปี
นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 เพื่อเอาผิดนายจ้างและแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย หลังพ้นกำหนดการมาขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา ว่า จากการบูรณาการของชุดปฏิบัติการ 113 ทีม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ที่ร่วมกันออกตรวจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีนายจ้าง สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ตั้งแต่ 1-3 ก.ค. 2561 เพียง 3 วัน สามารถตรวจสอบนายจ้าง สถานประกอบการได้ 298 ราย พบกระทำความผิด 26 ราย แบ่งเป็น 1. ดำเนินคดีในข้อหารับคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จำนวน 22 ราย และ 2. ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จำนวน 4 ราย
นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ได้ตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 2,879 คน พบกระทำความผิด จำนวน 118 คน เป็นพม่า 94 คน ลาว 7 คน กัมพูชา 8 คน เวียดนาม 7 คน และอื่นๆ อีก 2 คน แบ่งเป็นดำเนินคดีในข้อหาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานจำนวน 58 คน และดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จำนวน 60 คน โดยคนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ มีโทษปรับ 5,000-50,000 บาท และเมื่อชำระค่าปรับแล้ว คนต่างด้าวจะถูกส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และห้ามขออนุญาตทำงานภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับโทษ ส่วนนายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ มีโทษปรับ 10,000-100,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี
"หากผู้ใดพบคนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายหรือพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว สามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนได้ที่ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน หรือโทร. 0 2354 1729 หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือโทร.สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบต่อไป” อธิบดี กกจ. กล่าว