แนะ 7 ทักษะปรับตัว เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ
ที่มา : กรมอนามัย
แฟ้มภาพ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง ลดเสี่ยงโรคและภัยพิบัติด้วย 7 ทักษะในการปรับตัว พร้อมรับภัยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ไทยกำลังประสบปัญหาความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น และรูปแบบของฤดูฝนที่เปลี่ยนแปลงไป เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ส่งผลให้ประชาชนเจ็บป่วย ด้วยโรคต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น โรคระบบทางเดินทางเดินหายใจ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคจากความร้อนและโรคติดต่อนำโดยแมลง เช่น โรคมาลาเรีย โรคไข้เลือดออก และยังพบการเสียชีวิตจากภัยพิบัติด้วย ดังนั้น ประชาชนควรมีทักษะในการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนี้ 1) ติดตามข้อมูลข่าวสารด้านการพยากรณ์อากาศเป็นประจำ เพื่อให้รู้ถึงสภาพอากาศและเตรียมตัววางแผนการใช้ชีวิตประจำวันให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพน้อยที่สุด 2) ประเมินสุขภาพหรือเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพเป็นระยะ ๆ โดยการสังเกตอาการ หรือติดตามความผิดปกติของร่างกายทั้งตนเองและบุคคลใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ ผู้ทำงานกลางแจ้ง เป็นต้น โดยเตรียมยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์การปฐมพยาบาลให้พร้อม 3) ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้เกิดการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอย่างเหมาะสม เช่น การหลีกเลี่ยงทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงสภาพอากาศร้อนจัด การเตรียมน้ำดื่ม น้ำใช้ที่สะอาดและเพียงพอในช่วงเกิดภัยแล้งหรือภัยน้ำท่วม
“ข้อถัดมา คือ 4) เตรียมความพร้อมเมื่อต้องประสบภัยพิบัติ เช่น หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ควรเตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน ยารักษาโรค อาหารและน้ำดื่ม และการเตรียมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเพื่อย้ายสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางรัฐจัดไว้ให้อย่างทันการณ์ 5) ดูแลสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น ปลูกต้นไม้ สร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก ลดอุณหภูมิโดยรอบให้ร้อนน้อยลง รวมทั้งการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อลดพาหะนำโรค เช่น การกำจัดแหล่งลูกน้ำยุงลาย การจัดการขยะมูลฝอยอย่างเหมาะสม 6) ใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลาสติก และเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น และ 7) เสริมทักษะความรู้เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต เนื่องจากอันตรายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจมีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต จึงควรใส่ใจในการดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว หมั่นหาความรู้ เพื่อเสริมทักษะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่เสมอ รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อม และอาคารบ้านเรือน ให้พร้อมรับภัยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว