แนะ ‘กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ’ เลี่ยงท้องร่วง
สธ.เผยฤดูหนาวพบป่วยโรคอุจจาระร่วงเดือนละกว่าแสนคน แนะยึดหลัก 'กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ'
แฟ้มภาพ
นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวง สาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงฤดูหนาวอากาศหนาวเย็นทำให้เชื้อโรคสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้น แพร่กระจายได้ง่ายกว่า ในช่วงที่มีอากาศร้อนโดยโรคที่พบได้บ่อยคือ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมทั้ง โรคอุจจาระร่วง ที่พบได้ตลอดปี ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ช่วงฤดูหนาว จะพบผู้ป่วยโรค อุจจาระร่วง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล สังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศเดือนละ 80,000-100,000 คน โดยในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม มีผู้ป่วยมากกว่า 100,000 คน
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจากโรคระบบทางเดินอาหารขอแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติให้เป็นนิสัย 3 ประการ คือให้ "กินร้อนใช้ช้อนกลางหมั่นล้างมือ" ซึ่งการล้างมือบ่อยๆ การล้างมือจะช่วยขจัดเชื้อโรคที่อยู่ในมือ เพราะเราอาจเผลอใช้มือหยิบอาหารเข้าปาก ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านกรรมวิธี ทำให้สุกอย่างถูกวิธี เลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ขอให้พ่อ-แม่ ดูแลเรื่องการกินอย่างใกล้ชิดอาหารไม่ควรเก็บไว้ข้ามมื้อ เนื่องจากเด็กวัยนี้นอกจากจะมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำแล้วยังดูแลตัวเอง ไม่เป็นหยิบอาหารเข้าปากแบบไร้เดียงสาจึงมีโอกาสติดเชื้อง่าย
โรคอุจจาระร่วงหรือท้องร่วง หมายถึงการถ่ายอุจจาระเหลวจำนวน 3 ครั้ง ต่อวันหรือมากกว่าหรือถ่ายมีมูก หรือ มูกปนเลือดอย่างน้อย 1ครั้ง หรือถ่ายเป็นน้ำ มากกว่า 1 ครั้งขึ้นไปภายใน 1 วัน สาเหตุ เกิดได้ทั้งจาก เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส โปรโตซัวปรสิต หนอนพยาธิ และเชื้อไวรัส โรต้า โดยเชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านทางปาก จากการรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มไม่สะอาด การไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนการเตรียมหรือปรุงอาหารและภาชนะสกปรกหรือมีเชื้อโรคปะปน ซึ่งอันตรายของโรคนี้ คือร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ไปพร้อมกับการถ่ายอุจจาระจำนวนมาก จนอาจทำให้ช็อกหมดสติและถึงแก่ความตาย ได้โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
สำหรับการดูแลผู้ที่ป่วยโรคอุจจาระร่วง กรณีที่เป็นเด็ก ขอให้เด็ก รับประทานอาหารเหลวบ่อยๆ หากเป็น กลุ่มประชาชนทั่วไปและผู้สูงอายุ ขอให้รับประทานอาหารตามปกติ แต่ควรเป็น อาหารอ่อน ย่อยง่าย ถ้าหากอาการ ไม่ดีขึ้น ยังถ่ายบ่อย อาเจียน รับประทาน อาหารไม่ได้ กระหายน้ำมากกว่าปกติ มีไข้สูง หรือถ่ายอุจจาระเป็นมูกปนเลือด ให้รีบไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า