แนะหลัก ‘เก็บกวาด เช็ดถู ล้าง คัดแยกขยะ’
สธ.เผยขยะในประเทศไทยเพิ่มขึ้นสูงถึงปีละกว่า 15 ล้านตัน ส่วนใหญ่มาจากเศษอาหารและอินทรีย์สาร แต่รีไซเคิลได้แค่ 1 ใน 4 แนะประชาชนยึดหลัก 'เก็บ กวาด เช็ดถู ล้าง คัดแยก'
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานแถลงข่าวสัปดาห์ทำความสะอาดแห่งชาติ ที่ชุมชนพบสุข อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่า ประเทศไทยมีขยะเกิดขึ้นกว่า 15 ล้านตันต่อปี ในจำนวนนี้ร้อยละ 64 เป็นเศษอาหารและอินทรีย์สาร รองลงมา ร้อยละ 30 เป็นขยะมูลฝอยที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ แต่กลับมีการนำไปใช้ประโยชน์หรือรีไซเคิลเพียง 3.91 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 26 หรือแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น
"สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป การทำงานที่เร่งรีบ ทำให้ประชาชนละเลยการดูแลที่พักอาศัยให้เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องการสุขาภิบาลขั้นพื้นฐานในครัวเรือน เช่น ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การปรุงประกอบอาหารที่ถูกสุขลักษณะ น้ำดื่ม น้ำใช้ที่สะอาดเพียงพอ น้ำเสีย สัตว์และแมลงพาหะนำโรค และการจัดการขยะมูลฝอย ซึ่งขยะที่มีการกำจัดที่ไม่ถูกต้องนี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ขยายเป็นวงกว้าง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างต่อเนื่อง เช่น ปัญหามลพิษอากาศ ปัญหาขยะมูลฝอย ปัญหาสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาลอาหาร ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหารและโรคระบบทางเดินหายใจ" นพ.พรเทพกล่าว และว่า ขณะนี้กรมอนามัยได้เร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2555-2559 มีเป้าหมายหลักลดการเจ็บป่วยเนื่องจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักการสำคัญคือ การลดและคัดแยกขยะมูลฝอยที่ต้นทางหรือตั้งแต่ครัวเรือน ส่งเสริมกลไกการคัดแยกขยะเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่หรือใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด
นพ.พรเทพกล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ความสะอาดแห่งชาติ ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน จะรณรงค์และกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการทำความสะอาดบ้าน ร่วมกันจัดการสุขาภิบาลที่พักอาศัยและปรับปรุงสภาพแวดล้อมของบ้านโดย 1. เก็บสิ่งของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบ 2. กวาดหยากไย่และเศษขยะทั้งในบ้าน นอกบ้าน และบริเวณโดยรอบ 3. เช็ดถูทำความสะอาดฝุ่นละอองและคราบสกปรกให้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุม 4. ล้างทำความสะอาดห้องน้ำห้องส้วมอย่างสม่ำเสมอ และ 5. คัดแยกขยะอย่างถูกสุขลักษณะ ได้แก่ ขยะรีไซเคิล เช่น แก้ว กระดาษ โลหะ พลาสติก สามารถนำไปจำหน่ายได้ ขยะอันตราย เช่น ขวดน้ำยาทำความสะอาด ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ ให้นำไปทิ้งในสถานที่ที่ราชการกำหนดเพื่อรอการนำไปกำจัดอย่างปลอดภัย และขยะทั่วไป ให้เก็บรวบรวมใส่ถุงที่ไม่ฉีกขาด ไม่รั่วซึม มัดปากถุงให้แน่นและทิ้งลงถังขยะ
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต