แนะการแก้ไขภาวะแคระแกร็นในเด็ก

ที่มา : เดลินิวส์


แนะการแก้ไขภาวะแคระแกร็นในเด็ก  thaihealth


แฟ้มภาพ


ภาวะโภชนาการเด็กไทย เจริญเติบโตไม่เหมาะสม ในช่วงวัยต่ำกว่า 5 ปี ส่งผลให้เกิดภาวะเตี้ย (stunted) ผอม (wasted) น้ำหนักน้อย (Underweight) และน้ำหนักเกิน (Overweight) โดยเฉพาะในช่วงวัย 1-3 ปี สาเหตุมาจากการขาดสมดุลด้านโภชนาการโดย ได้รับสารอาหารจำเป็นต่อการเจริญเติบโตไม่เพียงพอ

               ข้อมูลจากการประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติครั้งที่ 13 เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า สารอาหารที่เป็นปัญหาที่มีการบริโภคไม่เพียงพอบ่อยครั้งคือ สารอาหารกลุ่มรอง (Micronutrient) ได้แก่ แคลเซียม เหล็ก วิตามินเอ วิตามินซี และสังกะสี โดยสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยชี้ เพื่อชีวิตยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี เด็กจำเป็นต้องได้รับสารอาหารจำเป็นครบถ้วนสมดุลเริ่มตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์มารดา และช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการวางรากฐานสุขภาพดีให้ลูกก็คือในระยะเวลาหนึ่งพันวันแรกของชีวิต (แรกเกิดถึง 3 ปี)

               รศ.พญ.ลัดดา เหมาะสุวรรณ นายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเจริญเติบโตที่ไม่เหมาะสมในช่วงวัยเด็กเล็กมีผลเชิงลบต่อการพัฒนากระบวนการรู้คิดและสติปัญญาของเด็ก มีตัวอย่างการศึกษาผลระยะยาวในเด็กไทยที่ภาคใต้ พบว่าเด็กที่เตี้ยถาวรตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 8 ขวบครึ่งจะมีไอคิวต่ำกว่าเด็กที่ไม่เคยเตี้ยเลยถึง 2.25 จุด เมื่อจำแนกภาวะโภชนาการไม่เหมาะสมที่มีทั้งขาดและเกินตามอายุในช่วง 5 ปีแรก ภาวะที่พบสูงมากคือโภชนาการเกินหรือภาวะน้ำหนักเกินในเด็ก และช่วงหลังขวบปีแรกคือวัย 1-3 ปี จะพบภาวะขาดโภชนาการส่งผลให้เด็กมีภาวะเตี้ยแคระแกร็น โดยจะเห็นเส้นกราฟไต่ระดับคาบเกี่ยวกับภาวะน้ำหนักเกินที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น

              "ภาวะโภชนาการเกินกำลังเป็นปัญหา หากปล่อยให้ลูกอ้วนไปเรื่อยตั้งแต่อายุ 3-6 ปี โอกาสเสี่ยงต่อภาวะเบาหวานในเด็กจะสูงมาก ผลสำรวจพบว่ามีอัตราเสี่ยงถึง 1.6% และเมื่อโตเป็นวัยรุ่นก็จะเป็นวัยรุ่นที่เป็นเบาหวาน มีอัตราเสี่ยงเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มากถึง 6.4%"

              การแก้ไขภาวะแคระแกร็นในเด็ก มีการศึกษาพบว่าถ้าจัดอาหารตามวัยให้ลูกกินได้หลากหลาย จะช่วยประกันได้ว่าเด็กเล็กตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปจะได้รับสารอาหารเพียงพอ ทางองค์การยูนิเซฟจึงได้จัดทำตัววัดคุณภาพอาหารในแต่ละวันที่เด็กต้องได้รับควรเป็นอาหาร 4  ใน 7 กลุ่ม ดังนี้คือ


1.ข้าวและธัญพืชชนิดต่าง ๆ


2. ถั่วและพืชตระกูลถั่ว


3. นมและผลิตภัณฑ์นม


4.เนื้อสัตว์ ปลา หมู ตับ เครื่องใน


5. ไข่


6. ผักผลไม้ที่มีวิตามินเอสูง


 7. ผลไม้อื่น ๆ

               สำหรับภาวะน้ำหนักเกิน พบว่ามาจากการที่ เด็กเล็กได้รับโปรตีนมากกว่าความต้องการของช่วงวัยมากเกินไป มีความเสี่ยงที่จะอ้วนและเจ็บป่วยด้วยโรคในกลุ่ม NCD เมื่อ โตเป็นผู้ใหญ่ มีคำแนะนำในทางวิชาการซึ่งกล่าวถึงในงานประชุมวิชาการครั้งนี้ คือ ควรจำกัดปริมาณนมสำหรับเด็กกลุ่มนี้ไม่ให้กินเกินวันละ 1-2 แก้ว หรือให้กินนมโปรตีนต่ำหรือ Young Child Formula (YCF) แทนการกินนมวัว

             ในงานประชุมครั้งนี้มีการกล่าวถึง Young Child Formula (YCF) ซึ่งเป็นอาหารสูตรสำหรับเด็กเล็กอายุ 1-3 ปี ว่ามีบทบาทในการช่วยส่งเสริมภาวะสมดุลโภชนาการในวัยเด็กเล็ก เนื่องจากมีการเติมสารอาหารจำเป็นในกลุ่มวิตามิน แร่ธาตุซึ่งเป็นสารอาหารกลุ่มรอง (Micronutrient) เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินซี  วิตามินดี เป็นต้น โดยมีการกำหนดปริมาณการเติมสารอาหารแต่ละชนิดได้ตามที่ WHO/FAO แนะนำ

             แต่การให้ลูกกินนมมากกว่าอาหารมื้อหลักไม่ใช่พฤติกรรมการกินที่ดีนัก จึงให้ถือเป็นอาหารทางเลือกเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือ ให้คุณแม่ยึดหลักสมดุลการจัดอาหารตามวัยครบคุณค่าห้าหมู่ที่หลากหลายและให้ลูกกินนมร่วมด้วยทุกวัน.

 

Shares:
QR Code :
QR Code