แนวโน้มป่วย “ไอกรน” เพิ่มขึ้น
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
แฟ้มภาพ
พยากรณ์โรครายสัปดาห์ 30 ธ.ค. 2561 – 5 ม.ค. 2562 คาดจำนวนผู้ป่วยโรคไอกรนเพิ่มสูงต่อเนื่องไปจนถึงปี 62 ระวังเด็กแรกเกิดถึง 4 ปี มักพบป่วยมากสุด แนะฉีดวัคซีนป้องกัน 5 ครั้งตามกำหนดอายุ
กรมควบคุมโรค เผยแพร่พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค. 2561 – 5 ม.ค. 2562 โดยระบุว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไอกรนในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 21 ธันวาคม 61 พบผู้ป่วยไอกรน 167 ราย เสียชีวิต 3 ราย โดยอัตราป่วยของโรคไอกรนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2553 – 2561 และในปีนี้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2560 ที่มีผู้ป่วย 77 ราย เสียชีวิต 2 ราย นอกจากนี้ยังพบว่าปีนี้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงกว่าค่ามัธยฐานตั้งแต่ มี.ค. – ธ.ค.
การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าจำนวนผู้ป่วยไอกรนจะเพิ่มสูงต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ไอกรนเป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis ติดต่อได้ง่ายและระบาดได้รวดเร็ว จากการใกล้ชิดคลุกคลีกับผู้ป่วย รวมทั้งการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย ละอองหายใจ จากการไอ จาม กลุ่มอายุที่มีความเสี่ยงต่อการติดต่อของโรคมากที่สุดคือ กลุ่มเด็กเล็ก แรกเกิด – 4 ปี
การป้องกันนับว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยพ่อแม่ ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ตามช่วงเวลาที่กำหนด จำนวน 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6, 18 เดือน และกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4 ปี ส่วนใหญ่พบว่ามีประวัติการติดเชื้อจากคนในครอบครัว ดังนั้น หากมีอาการไอจาม ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับเด็กเล็ก และควรปิดปาก จมูกด้วยหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดต่อของโรค หลีกเสี่ยงการเดินทางไปยังชุมชนที่มีคนหนาแน่น ถ้าพบเด็กเล็กที่สงสัยป่วยด้วยโรคไอกรน คือมีอาการไอติดต่อกันครั้งละนานๆ 5-10 ครั้ง จนตัวงอและหายใจแทบไม่ทัน และหลังจากหยุดไอผู้ป่วยจะหายใจเข้ายาว จนมีเสียงดังวู๊ปสลับกันไปกับการไอชุดๆ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422