“เห็ดพิษ-สัตว์พิษ-ไฟดูด”ภัยที่มาพร้อมฝน

/data/content/24285/cms/e_ceijklprsu28.jpg


          แพทย์ห่วง 4 กลุ่มเสี่ยง เด็ก คนแก่ คนป่วย คนท้อง ต้องระวังการรับประทานเห็ด ระบุมีพิษอาจถึงตาย และควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่เปียกแฉะ ชี้เสี่ยงโดนไฟดูด ขณะเดียวกันความชื้นยังเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อรา นำพาไปสู่โรคผิวหนัง รวมถึงต้องระวังสัตว์มีพิษท้ังหลายที่มักจะชุกชุมช่วงหน้าฝน


          นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ภายใต้กำกับของ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ประชาชนต้องระมัดระวังทั้งโรคภัย ไข้เจ็บ เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้ออย่าง ไวรัสหวัด และไวรัสก่อโรคอีกหลายชนิด รวมถึงทำให้เสี่ยงต่อภูมิแพ้กำเริบได้ ขณะที่ความชื้นยังป็นที่ชื่นชอบของโรคผิวหนังโดยเฉพาะเชื้อราทั้งตามผิวหนัง ศีรษะและเสื้อผ้า นอกจากนี้ ความไม่สะอาดอันเกิดจากน้ำและพื้นที่ที่ชื้นแฉะนาน ๆ จะเป็นแหล่งเก็บเชื้อได้ ดังนั้น สิ่งที่ปนเปื้อนมากับฝนหรือความชื้นของน้ำนั้น อาจมีผลกับสุขภาพโดยตรง โดยเฉพาะกับเด็ก ผู้สูงวัยคนไข้พิเศษต่างๆ อย่างเบาหวานหรือคุณแม่ตั้งครรภ์


          อย่างไรก็ตาม ยังมีพิษและภัยที่ไม่คาดคิดกับชีวิตในฤดูฝนอีก 4 ภัยหลักๆ ภัยที่ 1 คือ ภัยจากเห็ดพิษ เช่น เห็ดเมา (เห็ดขี้ควาย) กับ เห็ดระโงกหิน ซึ่งเป็นเห็ดที่ขึ้นงอกงามดูเหมือนกินได้ แต่เป็นพิษต่อสมองทำให้ชัก พิษต่อตับทำให้ตับอักเสบและตับวาย พิษหลอนประสาทและอีกมาก เห็ดพิษอาจทำให้อาเจียน ถ่ายท้อง ช็อค จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ถึงแม้เอาไปต้มไปทอดให้สุก ก็ยังไม่คลายพิษ ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือรับประทานเห็ดทั่วไปที่หน้าตาไม่พิสดารนักและหากไม่แน่ใจขอให้หลีกเลี่ยงดีกว่า


          ภัยที่ 2 คือภัยจากสัตว์พิษ เป็นภัยใกล้ตัวอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งคนไทยเรามีชีวิตอยู่ใกล้น้ำ ถึงไม่ใกล้แม่น้ำก็ใกล้ท่อระบายน้ำ ในหน้าน้ำมาอาจพาให้สารพัดสัตว์ลี้ภัยมาอาศัยในบ้าน โดยเฉพาะสัตว์พิษอย่าง งู ตะขาบ แมงป่องรวมถึงแมลงต่างๆและหนูที่อาจพาเชื้อฉี่หนู มาทำให้มีไข้ปวดน่องไตวายได้ สำหรับในกรณีสัตว์พิษที่ว่ามานั้นมีเทคนิคป้องกันง่ายๆที่อยากฝากไว้ก็คือ ให้แสงสว่างนำทาง โดยเปิดไฟทุกครั้งก่อนเดินเข้าห้องน้ำหรือที่มืด  ส่วนที่นอนหมอนมุ้งและผ้าห่มก็ควรสังเกตแล้วสะบัดให้ดีก่อนล้มตัวลงนอน


          นอกจากนั้น สิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือรองเท้า เพราะสัตว์มีพิษชอบเข้าไปซุกอยู่ตามซอกอุ่นแสนสบาย  ดังนั้นก่อนสวมใส่เสื้อผ้าและรองเท้าขอให้สังเกตหรือเคาะดูให้ดีก่อน หรือถ้าไม่แน่ใจอย่าปัดหรือใช้มือตีสัตว์นั้นๆ เพราะอาจทำให้พิษกระจายได้ เช่น กรณี แมลงก้นกระดก ที่บี้แล้วทำให้ผิวหนังไหม้พองได้


          ภัยที่ 3 ภัยจากสายน้ำ ให้เตรียมพร้อมโดยมีอุปกรณ์ ได้แก่ ยาประจำตัวที่มีเผื่อไว้หลายวัน โน้ตประวัติอาการเจ็บป่วยย่อๆ ซองพลาสติกกันน้ำ ไฟฉาย เสบียงอาหารและเสื้อผ้าที่แห้งสะอาดไว้สำหรับเปลี่ยนสักชุดสองชุดที่สำคัญคือต้องระวังภัยจากไฟดูดและฟ้าผ่าโดยเฉพาะไฟดูดที่มากับสายน้ำได้เหมือนกันในกรณีมีน้ำเฉอะแฉะอยู่ใกล้ไฟฟ้า จึงควรมีรองเท้ายางหุ้มขา ติดเอาไว้ใส่เวลาต้องเดินเข้าไปในที่ที่น้ำท่วมถึงแต่ไม่แน่ใจว่าจะมีไฟฟ้ารั่วหรือไม่ อย่างน้อยก็ช่วยป้องกันภัยจากของมีคมอันตรายใต้ผืนน้ำที่มองไม่เห็นและสัตว์มีพิษทั้งหลายได้


          สุดท้ายคือ ภัยจากสายฝน สิ่งที่ตามมากับสายฝนคือ เชื้อราที่นิยมมาเกาะที่ตัวเรา ได้แก่ ยีสต์ กลาก เกลื้อนและเชื้อราอื่น ๆ อีกมาก หากมีสัตว์เลี้ยงในบ้านอย่างสุนัขหรือแมวก็ขอให้ช่วยดูเรื่องเชื้อรากับเห็บด้วยที่จะมาในหน้าฝนนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องไม่ไกลตัว สำหรับเห็บเข้าหูที่คนมีประสบการณ์จะรู้ว่าแสนทรมาน เทคนิคกันภัยที่มาจากสายฝนนี้มีอยู่สั้นๆง่ายๆ คือ อย่าให้ชื้นนานหรือทำให้แห้งเพราะไวรัสหวัด,ไวรัสโรคทางเดินหายใจอื่นๆรวมถึงเชื้อราชอบโลกที่เย็นและชื้นแฉะ


          ดังนั้น ไม่ควรปล่อยให้ตัวเปียกแล้วแห้งซ้ำไปมาให้หาเสื้อผ้าและชั้นในแห้งติดกระเป๋าไว้เปลี่ยน ไม่ควรเข้านอนทั้งที่ผมเปียก ควรเลี่ยงจากห้องแอร์ และอาบน้ำสระผม เป่าศีรษะให้แห้ง ส่วนในเด็กอย่าโรยแป้งทาตัวมากเกินไปทั้งที่ตัวยังเปียก เพราะเชื้อราจะมาอาศัยอยู่ด้วย และจะสร้างสปอร์ลุกลามเป็นโรคผิวหนังต่อไป


 


          ที่มา : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์สยามรัฐ


           ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code