เสริมทักษะกู้ชีพฉุกเฉินให้นักเรียน
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
ภาพประกอบจากเว็บไซต์เดลินิวส์
กระทรวงศึกษาธิการ จับมือ สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯ เสริมทักษะกู้ชีพฉุกเฉินให้นักเรียนนำร่องสังกัดพื้นที่กทม. หวังปลูกฝังเด็กไทยรู้รอดปลอดภัย ช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นเมื่อเผชิญเหตุฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 27 พ.ค รศ.นพ.โสภณ นภาธร ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงนโยบายการศึกษาเพื่อผลักดันหลักสูตรและเสริมทักษะให้เด็กไทยรู้รอดปลอดภัย จัดโดย สมาคมเวศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งที่ประชุมได้หารือถึงการให้ความรู้เรื่องการป้องกันตนเองไม่ให้เจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือการช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉินเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น และมีประโยชน์ ซึ่งในส่วนของ ศธ.มีหลักสูตรการเรียนการสอนในเรื่องนี้ แต่อาจจะต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาให้มีความทันสมัย และส่งเสริมทักษะ การปฏิบัติ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ฝึกปฏิบัติ ด้วยความสนุก ในแต่ละกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะต้องมีการจัดกิจกรรมการเรียนให้เหมาะสมกับทุกช่วงวัย
“ผมเชื่อว่า หากทุกคนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองไม่ให้เจ็บป่วยจะเป็นผลดีต่อตนเองและประเทศ เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยเสียเงินไปกับการรักษาผู้ป่วยเป็นเงินจำนวนมาก หากคนไทยมีสุขภาพดีประเทศจะลดรายจ่ายของประเทศได้ ทั้งนี้การดำเนินจะขับเคลื่อนไปได้ ศธ.ต้องอาศัยภาคีเครือข่าย เช่น สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯ เข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนในการทำงาน” รศ.นพ.โสภณ กล่าวและว่า สำหรับประเทศไทยจะมีการสอนเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ป่วยหรือปฐมพยาบาลในหลักสูตรการศึกษามานานแล้ว ยังพบว่า ประชาชนที่เป็นผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจน รวมถึงขาดทักษะที่เหมาะสมทั้งในการดูแลสุขภาพของตนเอง ตลอดจนการช่วยเหลือผู้อื่นหากประสบพบเหตุ ดังนั้น การพัฒนารูปแบบใหม่ๆในการสอนและฝึกให้มีทักษะได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก อย่างไรก็ตามหวังว่าผู้บริหารและอาจารย์ผู้รับผิดชอบในกิจกรรมสร้างเสริมทักษะชีวิตและลูกเสือในโรงเรียนต่างๆ จะร่วมรับฟัง สอบถามประเด็นที่สงสัย เพื่อให้เข้าใจในรูปแบบก่อนที่จะมีการมอบ นโยบายให้เริ่มมีการขยายผลต่อไปเกิดรูปธรรมต่อไปโดยเร็ว
ศ.เกียรติคุณ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการป้องกันไม่ให้คนไทยเจ็บป่วยฉุกเฉินนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ต้องเข้ามามีบทบาทในการผลักดันให้ชัดเจนกว่านี้ ส่วนกระทรวงศึกษาธิการที่มีบทบาทสำคัญ ต้องกำหนดนโยบายการศึกษา เสริมสร้างให้เด็กไทยมีทักษะชีวิตที่สอดแทรกทักษะความรู้กู้ชีพฉุกเฉิน ในวิชาต่างๆได้ เช่น พละ สุขศึกษา เหมือนกับที่เคยผลักดันให้เกิดหลักกสูตรลูกเสือกู้ชีพ เพื่อให้เด็กนักเรียนมีทักษะชีวิตที่จะรู้รอดปลอดภัย
“ปัญหาตอนนี้คือ คนไทยเจ็บป่วยฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยเข้ารับบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินเฉลี่ยแล้วปีละ 25 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยฉุกเฉินที่เสียชีวิตและพิการจำนวนมาก ซึ่งหลายสาเหตุสามารถป้องกันได้ ดังนั้น การปลูกฝังและฝึกฝนทักษะการกู้ชีพฉุกเฉินตั้งแต่ในโรงเรียรและเหมาะสมกับช่วงอายุ จะเป็นการปลูกฝังให้เด็กมีความรู้ที่จะให้ตนเองรู้รอดปลอดภัยและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้” ศ.เกียรติคุณ นพ.สันต์ กล่าว