เสนอทางแก้รับอุบัติเหตุสงกรานต์ ปี 60
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ร่วมกับศูนย์วิจัย สสส.และมูลเมาไม่ขับเสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องโพลติดกล้องหน้ารถ ช่วยคนดี ชี้คนผิด มาตรการภาคประชาชน คุมเข้มอุบัติเหตุ สงกรานต์ 60
นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า การติดตั้งกล้องหน้ารถถือว่าเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ยั่งยืน เพราะเป็นมาตรการที่ประชาชนผู้ขับขี่จะตรวจสอบซึ่งกันและกัน โดยการอาศัยอิทธิพลจากโซเซียลมีเดียเป็นช่องทางในการเอาผิดกับผู้ที่ขับรถประมาทไม่ว่าจะเป็นเมาแล้วขับ ขับรถเร็วโดยหากรถที่ใช้ถนนทุกคันสามารถติดกล้องได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ได้ภายในสิ้นปี 60 นี้สังคมจะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันแม้ว่าจะมีการบันทึกภาพคนกระทำความผิดด้วยกล้องแต่ว่ารัฐบาลก้ยังไม่มีช่องทางให้ประชาชนนำภาพที่บันทึกไปโพสต์ลงอย่างเป็นทางการ ดังนั้นทางมูลนิธิจึงเปิดตัวชมรมกล้องหน้ารถผ่านโดยทำเป็นเพจเฟสบุกซึ่งในเพจนี้ประชาชนที่บันทุกภาพบนท้องถนนสามารถนำคลิปการเกิดอุบัติเหตุ คลิปฝ่าฝืนกฎหมายจราจรมาโพสต์ลงได้ทุกคน และประชาชนที่ต้องการหาหลักฐานต่างๆ ก็จะสามารถมาดึงคลิปบนเพจได้เลยทันทีรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ซึ่งหากคลิปใดเป็นประโยชน์ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจคดีกับผู้กระทำความผิดได้ทางมูลนิธิฯ จะมอบใบประกาศเพื่อเป็นการขอบคุณให้แทน โดยการดำเนินการดังกล่าวถือว่าเป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนี้ทางมูลนิธิต้องการเห็นรัฐบาลออกมาตรา 44 เพื่อโดยมีเนื้อหาสาระที่จะเป็นการส่งเสริมการติดตั้งกล้องหน้ารถบ้าง ทั้งนี้ที่ผ่านมามูลนิธิได้เสนอแนวทางการสนับสนุนการติดตั้งกล้องน้ารถมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดหย่อนภาษี การออกมาตรการให้โรงงานผลิตรถยนต์ติดตั้งกล้องสำเร็จรูปมาพร้อมกับรถ หรือลดหย่อนเบี้ยต่อประกันภัยรถยนต์ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยการภาครัฐ เช่น คปภ.ได้ออกมาสนับสนุนมาตรการดังกล่าวแล้ว ร่วมทั้งกรณีที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ร่างกฎระเบียบการชดเชยค่าเสียหายกรณีเมาแล้วขับโดยได้แก้ไขกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ให้สอดคล้องกับพ.ร.บ.จราจรทางบกโดยหากผู้ใดมีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์บริษัทประกันจะไม่ชดเชยค่าเสียหายให้ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณการป้องกันอุบัติเหตุที่ดีที่จะทำให้คนระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น
อย่างไรก็ตามทางมูลนิธิเห็นว่ารัฐบาลควรออกใช้กฎหมาย ม.44 ออกมาตรการเอาผิดกับคนที่นั่งไปกับคนขับด้วย และกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทุกรายโดยไม่ต้องใช้ดุลยพินิจของตำรวจเหมือนที่ผ่าน ซึ่งหากไม่มีอุปกรณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจขอความร่วมมือให้โรงพยาบาลมาดำเนินการให้ไม่ใช่ปล่อยให้กลับบ้านไปแล้วมาตรวจทีหลัง โดยทั้งสองมาตรการสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้งบประมาณใดๆทั้งสิ้น
ด้าน ดร.นพดล กรรณิกา ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำและสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า จากการสำรวจความเห็นประชาชนทุกสาขาอาชีพจำนวน 1,499 คนระหว่างวันที่ 13-19 มี.ค. 60 เกี่ยวกับมาตรการติดกล้องหน้ารถช่วยคนดี ชี้คนผิด ภาคประชาชนคุมเข้มอุบัติเหตุ สงกรานต์ 60 พบว่า ประชาชนกว่าร้อยละ 45.1 จะใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางไปเที่ยวช่วงสงกรานต์ รองลงมาร้อยละ 40.3 จะใช้รถยนต์โดยสาร เช่น รถตู้ รถทัวร์ และร้อยละ 8.9 จะใช้มอเตอร์ไซค์ และร้อยละ 5.7 จะเดินทางด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น รถไฟ โดยประชาชนที่ศึกษากว่าร้อยละ 58.8 ระบุว่า ถ้ารัฐบาลไม่มีมาตรการใหม่ๆ ออกมาคาดว่าในปี 60 จะมีคนเสียชีวิตมากขึ้นกว่าปี 59 ที่ผ่านมาโดยในปี 59 ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีผู้เสียชีวิตมากถึง 442 ศพ ทั้งนี้จากผลการสำรวจพบว่าประชาชนกว่าร้อยละ 86.8 รู้สึกเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้
โดยเมื่อสอบถามถึงวิธีการแก้ไขปัญหาเมื่อเจอพฤติกรรมขับรถอันตราย คนเมาแล้วขับ บนเส้นทางเดียวกันพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 56.1 ระบุว่าจะอยู่ห่างๆ ร้อยละ 53.9 ระบุว่าติดตั้งกล้องหน้ารถจะช่วยได้ และร้อยละ 40.2 ระบุว่าแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามจากการสำรวจจำนวนประชาชนที่ติดตั้งกล้องหน้ารถพบว่าตั้งแต่เดือนก.พ. 60 เป็นต้นมาล่าสุดมีจำนวนรถยนต์ที่ติดตั้งกล้องหน้ารถเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 19.8 จากที่ผ่านมามีการติดตั้งกล้องเพียงร้อยละ 15 เท่านั้นซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5
นอกจากนี้ ดร.นพดล ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้มีการสอบถามถึงข้อเสนอในการออกมาตราโดยใช้ ม.44 เพื่อลดตาย อุบัติเหตุ ร้อยละ 87.1 เสนอให้ระบุให้มีการส่งเสริมมาตรการติดกล้องหน้ารถ และรองลงมาร้อยละ 85.6 เสนอให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์คนขับที่เป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัตแหตุทุกราย แทนการใช้ดุลยพินิจของตำรวจ ร้อยละ 73.1 เสนอให้เอาผิดคนนั่งไปกับคนเมาแล้วขับ ทั้งนี้จากผลการสอบถามความเห็นโดยภาพรวมพบว่าประชาชนกว่าร้อยละ 94.7 เห็นด้วยกับการติดตั้งกล้องหน้ารถเพื่อเป็นการส่งเสริมมาตรการภาคประชาชนและลดปัญหาการทุจริตรีดไถ ของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งยังลดปัญหาเหตุร้ายเหตุอาญชากรรมบนถนนได้อีกด้วย
ด้าน พ.ต.อ. ชัยกฤติ โพธิ์อ๊ะ ผู้กำกับกองกับการ 5 (ตรวจพิสูจน์สถิติวัจัย) กองบังคับการตำรวจราจร กล่าวว่า ที่ผ่านมาบก.จร.ได้ดำเนินการกวดขันและตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่องโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นด้วยและสนับสนุนให้รถยนต์ทุกคันติดตั้งกล้องหน้ารถ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้สนับสนุนนโยบายมาโดยตลอดเพราะเจ้าหน้าที่สามารถนำหลักฐานจากล้องหน้ารถมาดำเนินการตามหาตัวผู้กีทำความผิดได้ อีกทั้งการตั้งด่านตรวจนั้นเจ้าหน้าที่พยายามจะตรวจรถยนต์ทุกครั้งเพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ซึ่งหากพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์เกินก็จะดำเนินการตรามขบวนการกฎหมายทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้น