`เศรษฐกิจพอเพียง` สร้างอาสาเตือนภัยภาวะวิกฤติ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


ภาพประกอบจากเฟสบุ๊กมูลนิธิกสิกรรม 


'เศรษฐกิจพอเพียง' สร้างอาสาเตือนภัยภาวะวิกฤติ thaihealth


ภัยพิบัติทางธรรมชาติในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและรวดเร็วมากขึ้น เห็นได้จากวิกฤตการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2553 และ 2554 ที่ประชาชนไม่สามารถจัดการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเฉพาะหน้าได้ด้วยตนเอง ต้องรอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาลภายในระยะเวลาอันสั้น


ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือ อ.ยักษ์ ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง บอกว่า จากวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนเห็นความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมของชุมชน เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองเบื้องต้นให้ได้ในภาวะวิกฤติ แต่อาสาสมัครภาคประชาชนยังขาดความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ จึงมีความจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพให้มีความสามารถในการจัดการกับภาวะวิกฤติ ทั้งการป้องกัน การเตือนภัย การแก้ปัญหาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ตลอดจนถึงการฟื้นฟูเยียวยาหลังได้รับผลกระทบ อีกทั้งจัดตั้งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่เข้มแข็ง เพื่อพึ่งพากันในยามวิกฤติขั้นพื้นฐาน ก่อนที่ความช่วยเหลือของภาครัฐจะเข้าถึง


'เศรษฐกิจพอเพียง' สร้างอาสาเตือนภัยภาวะวิกฤติ thaihealth"ถึงความจำเป็นแล้วที่พวกเราชาวไทยจะน้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาปฏิบัติบูชา ในการฟื้นฟู ป้องกันและเตือนภัยชุมชนในภาวะวิกฤติ เพื่อป้องกันวิกฤติทั้ง 4 ด้านมิให้เกิดขึ้นมา จึงเกิดเป็นโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำอาสาสมัครเพื่อการป้องกันเตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤติ (Crisis Management and Survival Camps : CMS) ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว และเข้ามาร่วมทำงานให้เกิดการขยายเครือข่ายการอบรมออกไปได้มากขึ้นอีก ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมแล้วมากกว่า 500 คน" ดร.วิวัฒน์กล่าว


โครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำอาสาสมัครเพื่อการป้องกัน เตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤติจึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อวางแผนรับมือกับภัยพิบัติในระยะยาว โดยการน้อมนำแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาดำเนินการ


ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการฝึกอบรมผู้นำอาสาสมัครให้มีความพร้อมที่จะสามารถรับมือกับภาวะวิกฤติต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติจากธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง หรือพายุ หรือแม้แต่สงคราม ซึ่งคนที่ผ่านการอบรม CMS จะสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ได้อย่างมีสติ และสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้


การอบรมจะใช้เวลาประมาณ 6 วัน โดยโครงการนี้เริ่มต้นเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ก็จะมีการสอนให้ผู้เข้ารับการอบรม'เศรษฐกิจพอเพียง' สร้างอาสาเตือนภัยภาวะวิกฤติ thaihealthมีความรู้เกี่ยวกับการเตือนภัยพิบัติ ซึ่งมีทั้งระดับการเตือนภัยแบบธรรมชาติ เช่น ปลา นก มีพฤติกรรมแบบนี้หมายถึงอะไร ซึ่งความรู้เหล่านี้อย่างชาวประมง ทหารตระเวนชายแดนจะมีความรู้ การเตือนภัยโดยใช้เครื่องมือสมัยใหม่ เช่น โทรศัพท์สมาร์ทโฟน รับการเตือนภัยจากดาวเทียม


พร้อมกันนั้นจะสอนเรื่องความพอเพียง คือ ที่อยู่อาศัยที่มั่นคงปลอดภัยเป็นอย่างไร อาหาร อย่างไรถึงจะอุดมสมบูรณ์ การช่วยเหลือผู้อื่นโดยการสร้างเครือข่ายกันไว้ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติจริงก็จะสามารถรับมือได้อย่างมีสติ และมีกินมีใช้ สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ และสุดท้ายคือ การสอนการฟื้นฟูเมื่อผ่านเหตุการณ์วิกฤติ เช่น พืชผล บ้านเรือน ก็จะเป็นการลงแขกช่วยเหลือกัน ช่วยให้งานเสร็จไว เพราะหากต่างคนต่างทำของตัวเอง เมื่อกลับไปเจอบ้านเละเทะก็หมดกำลังใจที่จะทำ แต่เมื่อมาร่วมด้วยช่วยกันก็เร็วขึ้น แล้วผลัดกันไปทำในแต่ละบ้าน


ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า เป็นการสอนให้ผู้เข้าอบรมรู้ว่าเหตุการณ์อะไรเป็นสัญญาณเตือนว่าจะเกิดภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะภัยธรรมชาติ และเมื่อเจอสถานการณ์วิกฤติในรูปแบบต่างๆ แล้วจะเอาตัวรอดอย่างไร ลำดับแรกคือ การมีสติ เพราะผ่านการอบรมมาก่อนแล้ว และการอบรมด้วยการปลูกฝังเรื่องแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง คือ พออยู่ พอมี พอกิน พอใช้ โดยเฉพาะปัจจัย 4 ที่จำเป็นของมนุษย์คือ ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค


แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็คือเมื่อเราพอมี พอกิน พอใช้แล้ว เหลือที่จะแบ่งปันเพื่อเป็นบุญและทานแก่ผู้อื่น ก็ต้องรู้จักเก็บเผื่อในยามฉุกเฉิน หรือนำมาออกขาย ดังนั้นเมื่อเกิดภาวะวิกฤติ เมื่อเรามีความพอเพียง มีการเตรียมความพร้อมก็จะไม่เดือดร้อน และยังสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วย ยิ่งทุกคนหันมาประพฤติตามแนวทางนี้ก็จะไม่อดตาย และสามารถช่วยเหลือเอาตัวรอดกันได้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชท่านพระราชทานแนว ทางนี้เพื่อเป็นทางรอดให้แก่คนไทยไว้นานแล้ว แต่คนนำมาปฏิบัติยังน้อย ซึ่งโครงการ CMS ก็เป็นการน้อมนำเอาแนวทางของพระองค์มาขยายต่อแก่ผู้คน"


'เศรษฐกิจพอเพียง' สร้างอาสาเตือนภัยภาวะวิกฤติ thaihealthยกตัวอย่างง่ายๆ เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2554 ต่อให้คุณมีเงินมากก็ไม่สามารถหาซื้ออาหารได้ ซึ่งช่วงนั้นแต่ละคนประสบปัญหาอย่างมาก แต่หากยึดเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ มีอาหาร มีสมุนไพรที่นำมาแปรรูปเป็นยาพร้อม ก็สามารถช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นได้ด้วย


ดร.วิวัฒน์ระบุว่า สิ่งสำคัญในการช่วยเหลือผู้อื่นคือ การสร้างเครือข่าย จะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤติและมีคนออกมาช่วยเหลือ จะทำได้ก็เมื่อทุกคนออกมาช่วยกัน ซึ่งการอบรม CMS ก็เป็นการสร้างเครือข่ายทางหนึ่งในการที่ทุกคนมีแนวคิดเหมือนกัน พร้อมที่จะออกมาช่วยเหลือเหมือนกัน ซึ่งการอบรม CMS นั้นถือเป็นโครงการหนึ่งในการน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนของคนไทย

Shares:
QR Code :
QR Code