เลือกใช้ “หน้ากากอนามัย” แบบไหน ในช่วงรับมือไวรัสโคโรนา
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
เเฟ้มภาพ
ในช่วงที่หลายคนเกาะติดและกังวลกับสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 มาตรการป้องกันที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เน้นย้ำเสมอ คือ หลีกเลี่ยงไปยังสถานที่แออัด เลี่ยงสัมผัสผู้ป่วย ล้างมือบ่อยๆ และสวมหน้ากากอนามัย แต่เมื่อทุกคนแห่กันมาสวมใส่ แน่นอนว่าหน้ากากอนามัยย่อมไม่เพียงพอและขาดตลาด ซึ่งขณะนี้หลายคนต่างหาซื้อกันไม่ได้
องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ระบุว่า มีสำรองหน้ากากอนามัยทั้งแบบธรรมดาและ N95 ไว้ 5 แสนชิ้น ซึ่งจะเร่งดำเนินการกระจายไปทั่วประเทศภายในสัปดาห์หน้า แต่ในช่วงที่ยังหาหน้ากากอนามัยไม่ได้ จริงๆ แล้ว หน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้าก็สามารถนำมาใช้ป้องกันได้เช่นกัน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ควรพกและสวมหน้ากากอนามัยติดตัวไว้คนละชิ้น ซึ่งสามารถใช้หน้ากากผ้าได้ โดยคนทั่วไปที่ไม่ได้เจ็บป่วย แนะนำว่า ควรใช้หน้ากากผ้าธรรมดา เพื่อป้องกันน้ำลายกระเด็นเป็นหลัก เหมือนอย่างสมัยตอนไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็มีการทำหน้ากากผ้ากันเอง หรือทำหน้ากากผ้าแบบแฟชั่น ซึ่งก็สามารถนำมาสวมใส่ป้องกันได้สำหรับคนปกติทั่วไป ถือว่าเพียงพอ ที่สำคัญสามารถนำมาซักและใช้ซ้ำได้ ก็จะยิ่งช่วยประหยัดเงินและค่าใช้จ่ายในการซื้อหน้ากากอนามัย ช่วยลดขยะได้อีกทางหนึ่ง เพราะหน้ากากอนามัยธรรมดา หากทุกคนใช้แล้วทิ้งวันละชิ้นทุกวันน่าจะมีขยะเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่าสิบล้านชิ้น
ส่วนคนป่วยทางเดินหายใจ แนะนำว่า ให้ใช้หน้ากากอนามัยธรรมดา ที่มีขายทั่วไปที่จะเห็นว่าด้านหนึ่งมีสีเขียวหรือสีฟ้า อีกด้านเป็นสีขาว โดยการสวมใส่จะต้องเอาด้านสีขาวหรือด้านในเข้าหาใบหน้า เพราะด้านในจะดูดซีบน้ำ ทำให้ช่วยซับน้ำมูกน้ำลาย โดยมีลักษณะผิวนุ่มกว่า และบานพับจีบของหน้ากากจะเป็นแบบหงายขึ้น ก็จะเก็บละอองน้ำมูกน้ำลายได้ดี ส่วนด้านนอกคือด้านสีเขียวหรือสีฟ้า จะมีการเคลือบสารลดการซึม เวลามีน้ำมูกน้ำลายกระเด็นมาก็จะไม่ซึมและร่วงตกลงมาได้ ส่วนการสวมใส่ก็ให้คล้องสายเข้ากับใบหูทั้งสองข้าง กดแถบลวดให้แนบสนิทกับใบหน้า และดึงหน้ากากอนามัยส่วนล่างให้คลุมใต้คาง
"ถ้าใช้หน้ากากผ้าก็จะคุ้มค่าและสะดวก ประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อระหว่างหน้ากากผ้าแะหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ในคนที่ยังไม่ป่วยก็เหมือนกัน ซึ่งปกติน้ำมูกน้ำลายคนปกติจะไม่เยอะอะไร คนป่วยแล้วใช้หน้ากากอนามัยจะเหมาะสมน้ำมูกน้ำลายเยอะ จะป้องกันการซึมได้ดี ถ้าพวกเรายังไม่ป่วยใช้หน้ากากผ้า ส่วนหน้ากาก N95 จะเหมาะสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เพราะดูแลรักษาผู้ป่วย มีโอกาสพบผู้ป่วยมีเชื้อเยอะ ต้องใช้แบบคุณภาพสูงสุด ประชาชนทั่วไปไม่ได้ไปรักษาดูแล ก็จำเป็นน้อยลงมา เหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์เป็นหลัก เพราะหากทุกคนหันมาใช้ก็จะไม่เพียงพอในระยะยาว" นพ.โสภณกล่าว