เลิกบุหรี่เถอะพ่อ ของขวัญที่ลูกอยากได้
ขอให้พ่อเลิกบุหรี่ ของขวัญปีใหม่ที่เด็กๆ จ.เชียงใหม่ อยากได้และรอคอย
น้ำตาเข้ามาแทนที่รอยยิ้มบนใบหน้าของ ด.ญ.ตุ่มโม คำใส นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนวัดพระนอนหนองผึ้ง ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ทุกครั้งเมื่อพูดถึงผู้เป็นพ่อที่สูบบุหรี่มาตั้งแต่เด็กหญิงรายนี้จำความได้
ตุ่มโมบอกว่า เหม็นกลิ่นบุหรี่ เป็นสาเหตุลำดับต้นๆ ที่ทำให้ไม่อยากเข้าใกล้พ่อ และยิ่งรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่แล้วยิ่งให้รู้สึกกลัว…กลัวว่าพ่อจะได้รับสารพิษจากบุหรี่ซึ่งเป็นต้นตอทำให้ป่วยด้วยโรคร้าย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะตัวพ่อที่เป็นผู้สูบบุหรี่เท่านั้น แม้แต่ตัวเธอซึ่งอยู่ใกล้บริเวณนั้นก็ต้องสูดควันบุหรี่เข้าไปด้วย เป็นเสมือนคนสูบบุหรี่มือสอง ซึ่งได้รับสารพิษเป็นอันตรายต่อสุขภาพไม่แตกต่างกัน
เด็กน้อยบอกว่าทุกครั้งในเทศกาลสำคัญพยายามขอร้องให้พ่อเลิกบุหรี่ เพราะกลัวว่าวันหนึ่งพ่อจะจากไป แต่คำตอบที่ได้กลับไม่ได้เป็นอย่างหวัง เพราะสุดท้ายพ่อก็เลิกบุหรี่ไม่ได้ ของขวัญปีใหม่ปีนี้เธอไม่ต้องการของขวัญเหมือนเด็กคนอื่น เพียงแค่พ่อเลิกสูบบุหรี่ได้ก็เป็นสุขใจแล้ว
"หนูเคยขอให้พ่อเลิกบุหรี่ แต่พ่อบอกว่าเลิกไม่ได้ มันเลิกยาก หนูกลัวว่าหนูจะเสียพ่อไป เพราะบุหรี่ทำให้เกิดโรคหลายโรค ตอนนี้พ่อเป็นตุ่มขึ้นตามใบหน้า ไปหาหมอ หมอแนะนำให้เลิกบุหรี่ เลิกเหล้า แต่ตอนนี้พ่อก็ยังไม่เลิก ทุกครั้งที่พ่อสูบบุหรี่หนูต้องออกห่างพ่อตลอดเวลา อยากให้เลิกตอนนี้ เพราะหนูเป็นห่วงพ่อ อยากให้บ้านเราปลอดบุหรี่" นักเรียนหญิงชั้น ป.4 บอก
ไม่แตกต่างจากเสียงสะท้อนเล็กๆ ของเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดพระนอนหนองผึ้งรายอื่น ที่อยู่ใกล้ชิดกับคนสูบบุหรี่ พวกเขาหวังว่าเสียงของพวกเขาจะกระตุ้นให้คนที่สูบบุหรี่คืนพื้นที่ปลอดภัยให้แก่เด็กบริสุทธิ์ อย่าง ด.ช.วัชรชัย เลิศสุริยกาญจน นักเรียนชั้น ป.1 ซึ่งมักเกิดคำถามในใจทุกครั้ง เมื่อเห็นคนที่สูบบุหรี่ตามสถานที่ต่างๆ ว่าอะไรคือแรงจูงใจให้สูบบุหรี่ ทั้งที่รู้ว่าบุหรี่มีพิษร้ายแรงขนาดที่ทำให้เกิดโรคได้มากมาย
"ผมอยากถามเขาว่า อะไรคือแรงจูงใจทำให้ผู้ใหญ่สูบบุหรี่ ทั้งที่รู้ว่าบุหรี่มีพิษสารพัดทำให้เกิดโรคร้ายตามมาหลายโรค โดยเฉพาะมะเร็งปอด ผมไม่อยากเข้าใกล้ เพราะควันบุหรี่ที่ลอยออกมาในอากาศ มันทำให้เราโดนเคราะห์ร้ายไปด้วย มันจะทำให้เราอายุสั้นลงได้ ผมกลัว" วัชรชัย กล่าว
ปีใหม่ปีนี้เด็กชายชั้น ป.1 รายนี้ บอกว่า ต้องการให้คนรอบข้างเลิกสูบบุหรี่ และไม่อยากเห็นใครสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่เล่าเรียนของเด็กๆ เพราะควันบุหรี่เหล่านั้นส่งผลกระทบต่อเด็กวัยเรียนอย่างเขา และพฤติการณ์การสูบบุหรี่ของผู้ใหญ่นั้นอาจทำให้เด็กนักเรียนเลียนแบบ เพราะเห็นว่าผู้ใหญ่สามารถทำได้ ความรู้จากโรงเรียนเป็นส่วนหนึ่งที่ปลูกฝังทำให้เด็กรู้พิษภัยของบุหรี่มากขึ้น ซึ่งโรงเรียนวัดพระนอนหนองผึ้งแห่งนี้ ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้เข้าร่วมโครงการโรงเรียนสีขาว
นายสมาน โปธิปัน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดพระนอนหนองผึ้ง เปิดเผยว่า โรงเรียนวัดพระนอนหนองผึ้ง มีการวางแผนสำรวจบริเวณโรงเรียน กำหนดแผนผัง ลักษณะ ขนาดของป้าย และจัดหาป้าย "โรงเรียนเป็นเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย" เพื่อความเหมาะสมสวยงาม จัดทำป้ายไวนิลหรือป้ายผ้าขนาดใหญ่ที่มีข้อความ "โรงเรียนเป็นเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย" ในจุดที่เห็นเด่นชัด เช่น ประตูโรงเรียน รั้วโรงเรียน หน้าอาคาร หรือในบริเวณที่นักเรียนจำนวนมากมักใช้พื้นที่นั้นในช่วงเวลาพัก กำหนดจุดที่จะติดสติกเกอร์รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ พร้อมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการติดสติกเกอร์เขตปลอดบุหรี่ ที่ประตูห้องเรียน ห้องทำงาน ห้องน้ำ หอประชุม โรงอาหาร ที่สำคัญสร้างองค์ความรู้ให้แก่นักเรียนสอดแทรกไปในการเรียนการสอนโดยเฉพาะวิชาสุขศึกษา เพื่อหวังให้นักเรียนเป็นสื่อกลางนำองค์ความรู้ที่ได้นำไปขยายผลโดยเฉพาะในครอบครัว โดยได้สร้างนวัตกรรม เรื่อ งการเรียนรู้จากปัญญา 6 ขั้น แบ่งเป็น 1.สำรวจปัญหา 2.วิเคราะห์ปัญหา 3.บ่มเพาะความสำนึก 4. บันทึกแนวปฏิบัติ 5.จัดระเบียบชีวิต 6.สาธิตความดีงาม
"เราสร้างนวัตกรรมขึ้นมาให้นักเรียนนำไปใช้ได้ สมมุติว่าในครอบครัวมีปัญหาพ่อแม่สูบบุหรี่ เราก็จะให้เขาไปสำรวจปัญหาว่าที่บ้านของใครมีพ่อแม่สูบบุหรี่หรือไม่ และนำกลับมาวิเคราะห์ว่าทำไมพ่อแม่ถึงสูบบุหรี่ จากนั้นให้บ่มเพาะความสำนึก
ว่าพ่อแม่สูบบุหรี่แล้วมันทำร้ายสุขภาพของพ่อแม่ และคนอื่นอย่างไรบ้าง ก่อนจะบันทึกแนวปฏิบัติ โดยเด็กอาจจะหาวิธีพูดคุยหรือวิธีการอย่างไรให้พ่อเลิกบุหรี่ แล้วมาร่วมกันจัดระเบียบชีวิตว่าจะใช้วิธีการเลิกได้อย่างไร สมมุติว่าเลิกได้ ก็จะเป็นขั้นการสาธิตความดี โดยการเผยแพร่ให้บุคคลอื่นได้ทราบ องค์ความรู้เหล่านี้โรงเรียนหวังว่า เด็กจะสามารถคิดได้ด้วยตนเอง ถึงผลดีผลร้ายของบุหรี่เป็นสื่อกลางไปสู่ครอบครัวด้วย" ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดพระนอนหนองผึ้ง กล่าว
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมขับเคลื่อนจังหวัดปลอดบุหรี่ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ ในการพยายามสร้างภาคีเครือข่าย ทั้งในโรงเรียนและชุมชน ภายใต้โครงการ เมืองปลอดบุหรี่ "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"
โดย ว่าที่ ร.ต.ทวีศักดิ์ จินต์จิระนันท์ นักวิชาการสาธารณสุข ชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในรอบปีที่ผ่านมาได้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังหลายหน่วยงานทั้งส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการ สถานศึกษา และผู้ประกอบการร้านค้า สถานบันเทิง ที่สำคัญได้บังคับใช้กฎหมายโดยการออกตรวจตามสถานบันเทิงต่างๆ ในการให้คำแนะนำ และตรวจสอบ รวมทั้งเปรียบเทียบปรับ หากพบมีการกระทำผิด ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันได้รณรงค์เรื่องพื้นที่ปลอดบุหรี่โดยเฉพาะในบ้าน
"เราเน้นไปถึงบ้าน อย่างพ่อแม่สูบเวลาเด็กอยู่ เราก็บอกเด็กว่า ให้บอกพ่อออกไปสูบนอกบ้าน และไม่ให้สูบที่ห้ามสูบ บางชุมชนมีการจัดพื้นที่ให้สูบ โดยห้ามสูบในบ้าน ส่วนหนึ่งก็ได้ผลแต่ก็ยังไม่ได้เท่าที่ควรต้องใช้เวลา เพราะคนที่อยากสูบ กับคนที่อยากไปแนะนำยังสื่อสารกันไม่ได้" ว่าที่ ร.ต.ทวีศักดิ์ กล่าว ทุกครั้งที่จุดบุหรี่ ควันบุหรี่เป็นอันตรายต่อผู้ไม่สูบ โดยเฉพาะเด็ก แม้มีความเสี่ยงต่อสุขภาพและชีวิตอย่างน่ากลัวแต่ปรากฏว่า มีเด็กไทยนับล้านคน ได้รับควันบุหรี่ในบ้าน หรือตามสถานที่อื่น ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ประชาชนที่ได้รับควันบุหรี่ ในบ้านทุกวัน มีจำนวน 15.2 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กจำนวนมาก และจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก