เร่งพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน รพ.ใน 4 จังหวัดใต้

สาธารณสุข เร่งพัฒนาระบบการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 เรื่องหลักได้แก่ ระบบการปฏิบัติการกู้ชีพของทีมแพทย์ฉุกเฉิน   ระบบความพร้อมของห้องฉุกเฉินหรือห้องอีอาร์ในโรงพยาบาลทุกระดับ  โดยเฉพาะในโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุบ่อย   และ ระบบการส่งต่อผู้ป่วย สามารถไปถึงมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเร็วที่สุด

พลเอกนายแพทย์อำนวย ถิระชุณหะ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้มาติดตามการดำเนินงานการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีทั้งหมด 37 แห่ง ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลในการบริการประชาชนในพื้นที่  เนื่องจากที่ผ่านมา การปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์กู้ชีพทุกระดับในระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ มีรูปแบบเฉพาะพื้นที่ ต่างจากพื้นที่ปกติอื่นๆอย่างสิ้นเชิง    โดยกระทรวงสาธารณสุขวางแผนเร่งพัฒนาประสิทธิภาพ 3 เรื่องหลัก คือ1.ระบบการปฏิบัติการกู้ชีพของทีมแพทย์ฉุกเฉิน 2. ระบบความพร้อมของห้องฉุกเฉินหรือห้องอีอาร์ในโรงพยาบาลทุกระดับ  โดยเฉพาะในโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุบ่อย   และ 3 ระบบการส่งต่อผู้ป่วย และมีช่องทางด่วนพิเศษ ( fast tract ) ให้ถึงมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเร็วที่สุด ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ทางด้านนายแพทย์สุวัช เซียศิริวัฒนา  ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขประจำเครือข่ายบริการสุขภาพที่ 12 กล่าวว่า ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบ กระทรวงสาธารณสุขได้วางระบบช่องทางด่วน บริการของโรงพยาบาลทั้งในและนอกสังกัดอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ระบบแจ้งเหตุหมายเลขด่วน 1669 ระบบศูนย์ส่งต่อ และห้องฉุกเฉิน โดยจะมีการประสานการส่งต่อกันระหว่างโรงพยาบาลขนาดใหญ่กับโรงพยาบาลขนาดเล็ก  การใช้ทรัพยากร  บุคลากร คลังเลือด  การพัฒนาเครื่องมือแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยสิ่งผิดปกติให้ได้เร็วที่สุด  เพื่อให้การดูแลรักษาได้ตรงจุด  นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานกองทัพภาคที่ 4 และ ศอ.บต.ใช้ระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการสาหัสทางอากาศมาใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

 

ที่มา : สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code