เร่งทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้าออนไลน์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
สธ.เผยช่วงหน้าฝนดัชนีลูกน้ำยุงลายเพิ่มขึ้น ห่วงโรคไข้เลือดออก และโรคไข้ซิการะบาด ขอความร่วมมือทุกบ้านทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคติดเชื้อไวรัสซิกาโรคนี้เป็นโรคที่พบได้ประปรายในประเทศไทยและอาเซียนการตรวจจับและวินิจฉัยโรคทำได้รวดเร็วขึ้นโดยตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทุกศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข ทั้ง 14 ศูนย์ พร้อมตรวจซิกาไวรัสด้วยวิธี Real time RT PCR ใช้เวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมง รองรับแห่งละ 50 test ต่อวันส่วนที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขตรวจได้วันละ 200 test อีกทั้งเมื่อพบเด็กคลอดแล้วสงสัย ให้ส่งตรวจด้วยเทคนิคเดียวกัน
เมื่อตอนต้นปีประชาชนได้ร่วมมือรณรงค์อย่างดี ดัชนีลูกน้ำยุงลายจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 10 ทำให้ไข้เลือดออกลดลง แต่ช่วงนี้ฝนตกดัชนีลูกน้ำยุงลายกลับเพิ่มเป็นร้อยละ 30 อีก ดังนั้นหากประชาชนร่วมมือกันดูแลบ้านตนเอง เราจะควบคุมทั้งซิกาและไข้เลือดออกได้สำหรับไข้ซิก้าไม่ใช่โรคใหม่ โรคนี้อาการไม่รุนแรงเหมือนไข้เลือดออก สามารถหายเองได้ ที่สำคัญป้องกันได้โดยไม่ให้ยุงกัด
ขอความร่วมมือทุกบ้านทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปดูแลทุกบ้านได้ ที่ กทม. เราเคยพบตอนต้นปีที่เขตสายไหม ตอนนั้นทุกฝ่ายร่วมกันควบคุม โดยเฉพาะประชาชนทุกคนช่วยกันควบคุมลูกน้ำยุงลาย ทำให้ควบคุมโรคได้ดังนั้นประชาชนอย่าได้ตระหนก หากทุกคนร่วมกำจัดลูกน้ำยุงลายในบ้านตนเอง ก็จะควบคุมโรคได้
อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ทุกคนทำได้ และได้ผลดีคือการร่วมกันกำจัดลูกน้ำยุงลายโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนนี้ ซึ่งเป็นฤดูระบาดสูงสุดของโรคที่มียุงลายเป็นพาหะ ตามมาตรการ3 เก็บ คือ “เก็บบ้าน เก็บขยะ เก็บน้ำ” เพื่อป้องกัน 3 โรค คือ ไข้เลือดออก ไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ให้ทำอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้ เป็นต้นไปรวมถึงการป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด โดยใช้ยาทากันยุง นอนในมุ้ง หรือห้องที่มีมุ้งลวด
ส่วนหญิงตั้งครรภ์ควรไปฝากครรภ์ที่สถานบริการสาธารณสุข หากมีอาการผิดปกติให้แจ้งแพทย์ทันที ที่ผ่านมามีหญิงตั้งครรภ์ 30 รายที่เฝ้าระวัง คลอดแล้ว 6 ราย เด็กทุกรายปกติดี ที่เหลือมีการติดตามดูแลจากเจ้าหน้าที่และสูติแพทย์ ประชาชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422