เรื่องที่ควรรู้…หกล้มในผู้สูงวัย

เรื่องโดย : ดนยา สุเวทเวทิน Team Content www.thaihealth.or.th


ข้อมูลจาก : หนังสือ คู่มือการดูแลผู้สูงวัย ชุด ‘เดินดีไม่มีล้ม’ โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


เรื่องที่ควรรู้...หกล้มในผู้สูงวัย thaihealth


ผู้สูงวัยมักมาพร้อมกับโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ทั้งโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์ พฤติกรรมการกิน รวมถึงโรคที่เกิดจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต และการเกิดอุบัติเหตุด้วยเช่นกัน


ซึ่ง พญ.ลัดดา ดำริการเลิศ เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส) ได้กล่าวถึงการหกล้มในผู้สูงวัยไว้ในงาน “ประชารัฐร่วมใจ สู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ” ว่า การหกล้มเป็นสาเหตุปัญหาสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ ที่นำไปสู่ภาวะทุพพลภาพหรือบาดเจ็บ จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหกล้ม ควรจัดสภาพแวดล้อมทั้งในบ้านและนอกบ้านให้รองรับต่อการมีกิจกรรมทางกาย เพราะจะทำให้ผู้สูงอายุได้ออกกำลังกายไปพร้อมๆ กับการดำเนินชีวิตโดยไม่รู้ตัว


แม้ว่าร้อยละ 20-30 จากการหกล้มจะทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรง เช่น กระดูกหัก เกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือสมองก็ตาม แต่เราก็ไม่ควรชะล่าใจ เพราะการหกล้มในผู้สูงวัยยังเป็นสาเหตุหลักของอาการกระดูกหักโดยเฉพาะกระดูกบริเวณสะโพก ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบภาวะบกพร่องทางการทรงตัวและการเคลื่อนไหว ทีมเว็บไซต์ สสส. จึงรวบรวมข้อมูลไว้ดังนี้ค่ะ


เรื่องที่ควรรู้...หกล้มในผู้สูงวัย thaihealth


ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการหกล้ม


แบ่งออกเป็น 1) ปัจจัยภายใน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พาร์กินสัน ไขสันหลัง สมองเสื่อม ข้ออักเสบ ผู้มีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง ผู้มีความบกพร่องทางการมองเห็น ผู้มีภาวะบกพร่องด้านการกลั้นปัสสาวะ (ทำให้ต้องรีบเข้าห้องน้ำ) ผู้ที่ได้รับยาหลายชนิดพร้อมกัน เป็นต้น และ 2) ปัจจัยภายนอก เกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น พื้นทางเดินเปียก-ลื่น ทางเท้าขรุขระ การจัดบ้านไม่มีราวจับในห้องน้ำ พื้นต่างระดับ แสงสว่างไม่เพียงพอ รวมถึงชุดแต่งกายที่อาจหลวม-รุ่มร่าม หรือรองเท้าลื่น หลวม เลนส์แว่นตาไม่พอดีกับสายตา เป็นต้น


การพัฒนาความสามารถในการทรงตัว


ผู้สูงอายุควรออกกำลังกายเพื่อเพิ่มทักษะการทรงตัวและป้องกันการล้ม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้


1) ผู้สูงวัยที่นอนติดเตียงและไม่สามารถเดินได้ด้วยตนเอง ควรเริ่มออกกำลังกายในจำนวนน้อยๆ แล้วเพิ่มจำนวนขึ้นในวันถัดไป โดยเลือกใช้ท่าที่ช้าๆ ไม่กลั้นหายใจ หากมีอาการเหนื่อยหรือเวียนศีรษะให้หยุดพัก เช่น ท่านอนราบเหยียดเข่าทีละข้าง ท่านอนราบยกก้นให้ลำตัวและสะโพกอยู่ในแนวเดียวกัน ท่านอนหงายและกางขาออก 45 องศา ท่านอนตะแคงและยกขาขึ้นในท่าตะแคง 45 องศา เป็นต้น


2) ผู้สูงวัยที่สามารถยืนและเดินได้ด้วยตนเอง ควรมีผู้ดูแลอยู่ด้วยอย่างใกล้ชิด โดยทำในบริเวณพื้นเรียบ ใกล้ผนัง หรือที่มั่นคงที่สามารถจัดได้ทันทีหากเสียการทรงตัว เริ่มจากจำนวนครั้งที่น้อยๆ และเพิ่มจำนวนในวันถัดไป ควรทำท่าช้าๆ ไม่กลั้นหายใจ เช่น ยืนตรงเขย่งปลายเท้าโดยที่มือจับโต๊ะหรือเก้าอี้ ท่ายืนตรงมือจับเก้าอี้เหยียดขาไปด้านข้าง-ด้านหลัง ท่านั่งพิงเก้าอี้และสลับเหยียดขาไปข้างหน้าให้ตรงที่สุด เป็นต้น โดยในทุกวันผู้สูงอายุกลุ่มนี้สามารถเพิ่มการออกกำลังกายด้วยการเดินต่อเนื่อง อย่างน้อยวันละ 20 นาที


เรื่องที่ควรรู้...หกล้มในผู้สูงวัย thaihealth


ทั้งนี้หากผู้สูงวัยมีความเสี่ยงต่อการหกล้ม ควรมีอุปกรณ์เสริมที่ไว้ใช้ในการช่วยเดิน เช่น ไม้เท้า โครงช่วยเดิน 4 ขา หรือรถเข็น รวมถึงสามารถดาวน์โหลด คู่มือการดูแลผู้สูงวัย ชุด เดินดีไม่มีล้ม’ โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ http://bit.ly/2oWXq2R


ที่สำคัญ ‘การออกกำลังกาย’ เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ ไม่จำเป็นต้องรอให้เป็นผู้สูงวัยก่อนแล้วค่อยเริ่มทำ เพื่อการมีสุขภาพกายและใจที่ดี ควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนะคะ

Shares:
QR Code :
QR Code